14วันหย่า'ศึกช่องบก'แค่ยกแรก  นับถอยหลัง สัญญาณนกหวีด

14วันหย่า'ศึกช่องบก'แค่ยกแรก  นับถอยหลัง สัญญาณนกหวีด

มทภ.2 ลงพื้นที่ปลุกขวัญกำลังใจฐานทหารตลอดแนว ชายแดนไทย-กัมพูชา กระตุ้นกำลังพลตื่นตัวพร้อมปฏิบัติภารกิจหากเกิดเหตุการณ์ ไม่ต่างกับกองทัพกัมพูชา

KEY

POINTS

  • ผลการเจรจาระหว่าง ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ผ่านแถลงการณ์ระหว่างกองทัพบกไทยและกัมพูชาที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันแต่เนื้อหากลับแตกต่างกันเรื่องการถอนกำลัง
  • บรรยากาศระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ซึ่งคุมเชิงอยู่ห่างๆบริเวณจุดปะทะไม่ค่อยสู้ดี เหตุเพราะทหารกัมพูชาเสียชีวิต2 นาย และบาดเจ็บหลายนาย
  • ทั้งสองประเทศเตรียมประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาประมาณกลางเดือน มิ.ย.นี้

สถานการณ์ขุดคูเลต จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว บริเวณช่องบก จ. อุบลราชธานี ยังไว้วางใจไม่ได้ แม้ปัจจุบัน กำลังทหารไทย-กัมพูชา จะยอมถอนกำลังจากพื้นที่เพื่อลดการเผชิญหน้า

ภายหลังการพบกันระหว่าง "บิ๊กปู" พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกไทย กับพลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ใช้เวลา1ชั่วโมง20นาทีจนได้ข้อสรุป 4 ข้อ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.

ทว่า แถลงการณ์ที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันระหว่าง กองทัพบกไทยและกัมพูชากลับแตกต่างกัน โดยเนื้อหาที่ตรงกัน คือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้รอคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee – JBC)ไทย-กัมพูชา ซึ่งจะดำเนินการภายใน2สัปดาห์นับจากนี้ และให้ใช้ความอดทนอดกลั้น

ส่วนที่ไม่ตรงกัน และเป็นข้อถกเถียงอยู่ขณะนี้ คือ เนื้อหาในแถลงการณ์ ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังหรือวางกำลังโดยไม่ติดอาวุธ ณ จุดที่เกิดการปะทะ เพราะบริเวณดังกล่าวฝ่ายกัมพูชาได้ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรังวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543

ประเด็นนี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก รีบออกมาชี้แจง หวังให้คนไทยใจเย็นๆ เพราะในแถลงการณ์กัมพูชา ที่ระบุไม่ถอนกำลัง  ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นจุดใด

พลตรีวินธัย ยืนยัน หากเป็นจุดปะทะบริเวณคูเลต เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค. พบว่ากำลังทหารทั้งสองฝ่ายถอยห่างลดการเผชิญหน้าเรียบร้อยแล้ว

ขณะที่บรรยากาศระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ซึ่งคุมเชิงอยู่ห่างๆบริเวณจุดปะทะไม่ค่อยสู้ดี เหตุเพราะทหารกัมพูชาเสียชีวิต2 นาย และบาดเจ็บหลายนาย ส่วนทหารไทยไม่มีบาดเจ็บ เสียชีวิตแม้แต่นายเดียว

สะท้อนผ่านการพูดคุยระหว่างคณะ ผบ.ทบ.ไทยกับคณะผบ.ทบ.กัมพูชา ต่างฝ่ายต่างออกอาการฮึดฮัดพอสมควร เพราะบางช่วงบางตอน "พลเอก เมา โซะพัน" ใช้คำพูดเหน็บแหนม "บิ๊กปู" ผบ.ทบ.ไทย เหตุไม่พอใจกรณีกำลังพลเสียชีวิต แม้ฝ่ายไทยจะแสดงความเสียใจแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่า การพูดคุยระหว่างคณะ ผบ.ทบ.ไทยกับคณะผบ.ทบ.กัมพูชา เมื่อ 28 พ.ค."พล.ต.ทล โซะวัน" รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ที่โทรศัพท์มาหา รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีของไทย ขอยุติการหยุดยิง ไม่ได้เดินทางมาร่วมการพูดคุยครั้งนี้

2 สัปดาห์ ก่อนถึงวันหารือคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งจะมี “มาริษ เสงี่ยมพงษ์“ รมว.การต่างประเทศเป็นประธานฝ่ายไทย กับ"ปรัก สุคน" รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศกัมพูชา ประมาณกลางเดือน มิ.ย.นี้

ล่าสุด วานนี้ (1มิ.ย.)คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายไทย โดย รมว.การต่างประเทศ ได้เรียกประชุมเตรียมความพร้อม และวางกรอบการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา เบื้องต้นยังยืนยันว่า การแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องผ่านกลไก 3 ระดับ 

1.คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทย-กัมพูชา ที่เตรียมประชุมประมาณกลางเดือน มิ.ย. โดยฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ จะเลือกวัน เวลา และสถานที่จัดการการประชุม

2.คณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-กัมพูชา  ซึ่งได้มีการประชุมไปแล้วเมื่อ1พ.ค.ที่ผ่านมา 

3.การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย – กัมพูชา

สำหรับการปักปันเขตแดนไทยพื้นที่พิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน คืบหน้ามากสุด คือ มาเลเซีย ประมาณ 70-80% ล่าช้าสุด คือเมียนมา เพียง 20-30% เพราะมีปัญหาเรื่องชนกลุ่มน้อย ส่วนกัมพูชากับลาวอยู่ในระดับใกล้เคียงกันประมาณ 40-45%

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า การแก้ปัญหาพื้นที่พิพาทบริเวณช่องบกผ่านกลไก JBC ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะได้ข้อยุติ เพราะพื้นที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ เขตแดนสูญหายตามเวลา และจากฝีมือมนุษย์ เช่น การขุดคูเลตของทหารกัมพูชา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นเขตเดิมแน่นอน

ขณะที่ การประชุม JBC ฝ่ายไทยวานนี้ พอจะจับประเด็นได้ว่า กรอบการหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชา กลางเดือน มิ.ย.นี้ ไทยเตรียมเสนอมาตรการชั่วคราว ให้สองประเทศเห็นพ้อง ลดความตึงเครียดในระหว่างรอการสำรวจ และการจัดทำเขตแดน หวังลดการเผชิญหน้า

ไม่ต่างกับการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป(GBC) กัมพูชา –ไทย ครั้งล่าสุด "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกฯและรมว.กลาโหม และ "พลเอก เตีย เซ็ยฮา"รองนายกฯและรมว.กลาโหม ได้กำหนดมาตรการลดความตึงเครียด และการเผชิญหน้าเช่นกัน 

แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้ามืด วันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังพบทหารกัมพูชาขุดคูเลตยาว 650 เมตร ตั้งแต่ต้นสันตบรรณถึงสามแยกลาว

"ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนด้วยกลไกต่างๆ ที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามที่นายกฯทั้งสองประเทศเห็นพ้องให้มีกลไกความร่วมมือระหว่างกัน เรามีเจตนารมญ์ทางการเมืองแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่มีความขัดแย้ง ผ่านกลไกสามระดับที่มีอยู่ได้แก่ JBC, GBC และ RBC จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมความพร้อมในการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชาในกรอบของ JBC ซึ่งจะประชุมกันโดยเร็วที่สุด" มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ ระบุ

ในระหว่างนี้ ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่ ทหารไทย-ทหารกัมพูชา ต้องสงบศึกชั่วคราว พยายามรักษาสภาพพื้นที่ เพราะผู้หลักผู้ใหญ่สองประเทศพูดคุยกันแล้ว ตั้งแต่ระดับนายกฯ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม รมช.กลาโหม รมว.การต่างประเทศ รวมถึง ผบ.ทบ.

เพราะปัญหากระทบกระทั่งที่ช่องบกมูลเหตุมาจากพื้นที่ปักปันไม่แล้วเสร็จ ต่างฝ่ายต่างยึดแผนที่ของตัวเอง หากใช้กลไก JBC ดำเนินการ จนได้ข้อยุติ ทุกฝ่ายยอมรับ แต่ประเมินสถานการณ์กันแล้วว่า ไม่น่าจะจบลงง่ายๆ เพราะความเห็นที่ไม่ตรงกัน 

ปัจจุบันนี้ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่2 ตรวจเยี่ยมปราสาทตาเมือน รวมถึงฐานปฏิบัติการทหารไทยตลอดแนวชายแดนไทย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และกระตุ้นกำลังพลตื่นตัวพร้อมปฏิบัติภารกิจหากเกิดเหตุการณ์

ไม่ต่างกับฝ่ายกัมพูชา แม่ทัพ นายกอง ลงพื้นที่ปลุกขวัญให้กำลังใจกำลังพลตลอดแนวชายแดนกัมพูชาเช่นเดียวกัน รวมถึงการออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าว ของ"ฮุน เซน" ประธานพฤฒสภากัมพูชา และการปั่นกระแสในโซเชียลมีเดีย งดซื้อของไทย

จึงเป็นที่มา การเรียกประชุมด่วนหน่วยงานความมั่นคงไทย เมื่อ 31พ.ค เพื่อกำหนดมาตรการดูแลพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังทหารกัมพูชาเพิ่มกำลัง และอาวุธหนักมาพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เป็นจำนวนมาก โดยปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ประกอบด้วย จุดผ่านแดนถาวร 6 แห่ง จุดผ่อนปรน 10 แห่ง รวมถึงจุดท่องเที่ยวปราสาทตาเมือนธม และจุดท่องเที่ยวเขาพระวิหาร เมื่อคราวจำเป็น

การประชุม JBC ไทย-กัมพูชา เป็นเพียงเวทีหนึ่ง เปิดให้ผู้แทนสองประเทศแสดงออกถึงเจตจำนงเดินหน้าปักปันเขตแดนแก้ปัญหาพื้นที่พิพาทตลอดชายแดนผ่านกระบวนการต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยเวลา

ส่วนสถานการณ์ "ช่องบก" กำลังพร้อมรบ อาวุธหนัก ทหารไทยและทหารกัมพูชาอยู่เต็มพื้นที่เรียบร้อยหมดแล้ว ที่เหลือแค่รอสัญญาณเป่านกหวีดเท่านั้นเอง