'จุลพันธ์' ปัดกยศ.ถังแตก ยันก.ค.เปิดสูตรใหม่คำนวณยอดหนี้

'จุลพันธ์' ปัดกยศ.ถังแตก ยันก.ค.เปิดสูตรใหม่คำนวณยอดหนี้

รมช.คลัง แจงสภาฯ ปัดกยศ.ถังแตก เผย ก.ค.เปิดสูตรใหม่คำนวณยอดหนี้ พร้อมยืนยันนักเรียน-นักศึกษา ผ่านคุณสมบัติได้รับสิทธิทุกราย

ที่รัฐสภานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2569  กรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน และนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน  มีการอภิปรายประเด็นเรื่องการแก้ปัญหาหนี้กยศ.ว่า ประเด็นเรื่องการหักเงินเดือน3,000 บาทอย่างที่ทราบกันดีว่า ล่าสุดทางกยศ.ได้แจ้งชะลอการหักเงินเดือนจำนวนดังกล่าวตามคำสั่งรมว.คลังไปเป็นที่เรียบร้อยมีผลตั้งแต่เดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ระหว่างนี้จึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรีบไปดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่

ทั้งนี้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าวขณะนี้มีจำนวน5.1แสนคนขณะนี้มีผู้ที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ไปแล้ว2.4แสนราย ปิดบัญชีไปแล้ว3,300ราย และผู้ที่มาชำระปรับยอดค้างชำระให้เป็นปกติราว3.9หมื่นราย รวมผู้ที่กู้ยืมที่ได้รับประโยชน์ไปแล้วรวมทั้งสิ้น2.8แสนราย

ทั้งนี้จึงขอความกรุณาให้ช่วยประชาสัมพันธ์ไปถึงผู้ที่ไมได้ดำเนินการใดๆอีกราว2.2แสนราย ให้เข้ามาปรับโครงสร้างเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา51ของพ.ร.บ.กยศ.ฉบับปัจจุบัน
 

ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่าขณะนี้กองทุนอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤติหรืออาจเรียกว่าถังแตกนั้น ตนยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งตนได้เคยอภิปรายในสภาฯแห่งนี้และให้ความมั่นใจว่า คนที่มีสิทธิในการกู้ยืมในปีที่ผ่านมายังจะได้รับสิทธิอย่างครบถ้วน 

รมช.คลัง ยังกล่าวว่า ส่วนตัวและสมาชิกที่อภิปรายรับทราบปัญหาดี ซึ่งการปรับแก้กฎหมายครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ซึ่งมีการปรับในเรื่องของเบี้ยปรับและกฎเกณฑ์ต่างๆ ขณะที่ในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีการนำเรื่องการแก้ไขกฎหมายเข้าไปในคณะกรรมการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาหนี้สิน ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนองเป็นประธานซึ่งมีการพิจารณาว่าการแก้ปัญหาหนี้สินจะให้มีผลย้อนหลังหรือเดินหน้า ซึ่งคณะกรรมการชัดนั้นมีความเห็นให้คำนวณย้อนหลังไปตั้งแต่วันแรกซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของกยศ.ที่จะต้องไปดูข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด

"ยืนยันอีกครั้งว่า ณ วันนี้ก็ยังได้รับการยืนยันจากหน่วยงานว่าการคำนวณก็จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.ค.จากนั้นจะดำเนินการปรับโครงสร้างให้ครบถ้วนต่อไป"
 

รมช.คลัง ยังกล่าวว่า ในงบประมาณปี2569 กยศ.มีภาระในเรื่องกรอบการกู้เงิน4.1หมื่นล้านบาท เป็นในส่วนที่กยศ.ของรับจัดสรร2.19หมื่นล้านที่เหลืออีก1.9หมื่นล้านเป็นในส่วนที่กยศ.สามารถบริหารจัดการได้  ทั้งนี้ในเรื่องการปรับลดงบเป็นเรื่องของสำนักงบประมาณ ที่ได้ไปคุยกับหน่วยงานภายใต้ภารกิจที่มีและความเหมาะสม ที่5พันล้านบาทไม่ได้หมายความว่าเงินจำนวนนี้จะเพียงพอหรือขาด ต้นย้ำเสมอความยืดหยุ่นของกลไกการทำงบประมาณถือเป็นสิ่งสำคัญสามารถจะมีกลไกอื่นในการเพิ่มเม็ดเงินเข้าไปในหน่วยงานเช่น การแปรญัตติในกมธงงบประมาณ หรือมีการเติมงบกลางเข้าไปเป็นต้น 

"รัฐบาลเองด้วยข้อกำกัดเพราะเรามีภารกิจในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนมากหลาย เป็นไปไม่ได้ที่เราจะถมเงินมากองไว้ในจุดๆเดียว เราต้องบริหารให้มีความเหมาะสมและเป็นประโยชนต่อตัวเงินทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามผมยืนยันด้วยกลไกที่มีเป้าหมายสุดท้ายนักศึกษา นักเรียนที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาทั้งคนที่อยู่ในระบบอยู่แล้วและคนที่จะเข้ามากู้ยืมต่อไปคุณที่มีคุณสมบัติทั้งหมดจะต้องได้รับโอกาสในการศึกษาครบทุกราย" 

รมช.คลัง ยังกล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่ากองทุนจะไม่มีปัญหา ยอมรับว่าหลังจากแก้กฎหมายทำให้กองทุนมีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องจริงๆแต่ได้ใหเโจทย์กับกยศ.ในการปรับปรุงเปลี่ยนวิธีทำงานต่อไป