อธิบดีดีเอสไอ เผย คืบหน้า คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน เลือก สว.สอบพยานกว่า 60 ปาก

อธิบดีดีเอสไอ เผย คืบหน้า คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน เลือก สว.สอบพยานกว่า 60 ปาก

อธิบดีดีเอสไอ เผย ความคืบหน้า คดีอั้งยี่-ฟอกเงิน เลือก สว.ปี 67 สอบปากคำพยานกว่า 60 ปาก มาจากหลายกลุ่ม อุบรายละเอียด

วันที่ 30 พ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (อาคารเอ) ถนนแจ้งวัฒนะ  พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน ว่า ปัจจุบันคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 60 ปาก อยู่ระหว่างการรวบรวมถ้อยคำให้การ 

ส่วน 60 กว่าปากดังกล่าว มีคนหลายกลุ่ม ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ทั้งนี้ เรื่องกรอบระยะเวลา พนักงานสอบสวนพยายามเร่งรัดดำเนินการอย่างเร็วที่สุด ส่วนกรณีการดำเนินการของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ที่มีเจ้าหน้าที่ กกต. และดีเอสไอ รวม 7 ราย นั้น ตนไม่สามารถพูดหรือไปก้าวล่วงได้ 

เมื่อถามว่า ระยะเวลาใกล้งวดเข้ามาแล้วที่จะต้องพิจารณาออกหมายเรียกผู้ต้องหา เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่าที่ดีเอสไอยังไม่พิจารณาออกหมายเรียกผู้ต้องหาในคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน เนื่องจากรอกระบวนการทำงานของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนให้เสร็จสิ้นก่อนหรือไม่ พ.ต.ต.ยุทธนา  กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเงื่อนไข เพราะเราก็รวบรวมพยานหลักฐานไปอีกส่วนหนึ่งเหมือนกัน

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าหากคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะมาตรา 77 (1) บุคคลนั้นก็จะไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาอั้งยี่-ฟอกเงินในส่วนของคดีอาญาดีเอสไอใช่หรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา  กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกันก่อนตัดบทผู้สื่อข่าวแล้วเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที
 

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับความผิดตามมาตรา 77(1) ที่มีสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนถูกคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน แจ้งนั้น ระบุว่า มาตรา 77 (1)  แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 กำหนดว่าผู้ใดกระทำการจัด ทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี