‘ภูมิ-บุญทรง’ สังเวยคดีรวยผิดปกติ ลุ้นดาบสองฟัน ‘แก๊งจำนำข้าว’

แต่ความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา "บุญทรง" รวยผิดปกติ ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ลุยสอบ "นักเลือกตั้ง-บิ๊ก ขรก." ที่พัวพันกับการทุจริตโครงการจำนำข้าวมา 10 ปีแล้ว
KEY
POINTS
- รูดม่านปิดฉากลงไปแล้วแทบทุกคดี สำหรับมหากาพย์การทุจริตเชิงนโยบาย "โครงการรับจำนำข้าว" และ "ระบายข้าวจีทูจี"
- "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ถูกศาลฎีกาฯสั่งคุก 5 ปี เธอยังคงหลบหนีและเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ส่วนคดีทางแพ่ง ศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนคำสั่งชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท เพราะสูงไป เหลือให้ชดใช้ราว 1 หมื่นล้านบาท
- ส่วน "บุญทรง เตริยาภิรมย์-ภูมิ สาระผล" 2 รมต.พาณิชย์ โดนจำคุกคดีข้าวจีทูจีไปแล้ว ปัจจุบันได้รับการพักโทษ ส่วนคดีทางแพ่ง ศาลปกครองกลาง สั่งชดใช้ 2 หมื่นล้านบาท แต่ทั้งคู่อุทธรณ์รอลุ้นคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดต่อไป
- แต่ความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา "บุญทรง" รวยผิดปกติ ซึ่งคดีนี้ ป.ป.ช.ลุยสอบ "นักเลือกตั้ง-บิ๊ก ขรก." ที่พัวพันกับการทุจริตโครงการจำนำข้าวมา 10 ปีแล้ว โดยชี้มูล "ภูมิ" ไปก่อนหน้านี้ ส่วน "อัครพงศ์" รอด
- รอลุ้น "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องเผชิญบ่วงคดีนี้หลงเหลืออยู่ จะซ้ำรอยกับคดีจำนำข้าวหรือไม่?
มหากาพย์คดีจำนำข้าว และทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ปัจจุบันรูดม่านถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วแทบทุกคดี
โดยเฉพาะกรณีกล่าวหา “บิ๊กเนมการเมือง” ทั้งกรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ที่ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี 5 ปี ซึ่งเธอได้หลบหนีไปต่างประเทศ ส่วนทางแพ่ง ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาเพิกถอนคำสั่งชดใช้ค่าเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นตัวเลขสูงเกินไป เพราะตัวเลขที่เธอจะต้องชดใช้คือราว 10,028 ล้านบาท
ส่วนกรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกหนักทั้ง “บุญทรง เตริยาภิรมย์”อดีต รมว.พาณิชย์ “ภูมิ สาระผล” อดีต รมช.พาณิชย์ พ่วงด้วยกลุ่มบิ๊กข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ เอกชนเครือข่าย “สยามอินดิก้า” และ “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง โดยในจำนวนนี้มีหลายคนได้รับการ “พักโทษ” ออกจากเรือนจำมาแล้ว เช่น บุญทรง กับภูมิ เป็นต้น
ส่วนทางแพ่ง ศาลปกครองกลางพิพากษาให้ “บุญทรง-ภูมิ” กับพวกรวม 5 ราย ชดใช้ค่าเสียหายราว 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบัน “บุญทรง-ภูมิ” อุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด
แม้ว่ากรณีชดใช้ค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวของ “ยิ่งลักษณ์” วงเงินกว่า 10,028 ล้านบาท จะมีคำพิพากษาทางปกครองอันถึงที่สุดออกมาแล้วก็ตาม แต่กระบวนการหลังจากนี้ คาดว่าคงใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะได้บทสรุปอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอกระทรวงการคลังตั้งคณะกรรมการรับผิดทางละเมิด เพื่อคำนวณตัวเลขความเสียหายใหม่ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดกำหนดให้ดำเนินการภายใน 60 วัน แต่เปิดช่อง “ยิ่งลักษณ์” สามารถร้องเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้อีก
แต่ที่น่าสนใจมีความเคลื่อนไหวทางคดีในชั้นการไต่สวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเกี่ยวพันกันกับ “โครงการรับจำนำข้าว” นั่นคือ กรณีกล่าวหาว่า “นักเลือกตั้ง-บิ๊กข้าราชการ” ร่ำรวยผิดปกติ จากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
เบื้องหลังกรณีนี้คือ เนื่องจากเมื่อครั้งยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโครงการรับจำนำข้าว และโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ต่อมาปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีการแจ้งข้อกล่าวหา และชี้มูลความผิด แบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ
1.กลุ่มนักการเมือง ได้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการจำนำข้าว บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ กรณีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี
2.กลุ่มข้าราชการ มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว และอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ
3.กลุ่มเอกชน เช่น บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด อภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” เป็นต้น
ทั้งนี้ในกลุ่มนักการเมือง และกลุ่มข้าราชการนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้สั่งการให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเชิงลึกด้วย เพื่อเช็คเส้นทางการเงินว่า มีส่วนไหนมาจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หรือระบายข้าวจีทูจีหรือไม่
โดย ป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเชิงลึก ตั้งแต่ช่วงปี 2558 เป็นต้นมา เพื่อเช็คเส้นทางการเงินว่า มีส่วนไหนมาจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หรือระบายข้าวจีทูจีหรือไม่ ปัจจุบันผ่านมา 10 ปี เริ่มปรากฏเค้าลางให้เห็นแล้ว
สำหรับบุคคลที่ถูกกล่าวหากรณีร่ำรวยผิดปกติ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1.ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นนักการเมือง ได้แก่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์
2.ผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว และอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ
ปัจจุบันคดีร่ำรวยผิดปกติจากกรณีนี้สิ้นสุดไปแล้ว 2 ราย ได้แก่
1.เมื่อปี 2568 ชี้มูลความผิด ภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สส.วาระปี 2554 และตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ มูลค่ารวม 19,947,750 บาท ซึ่งอยู่ในการถือครองของอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส ภณิดา สาระผล และภพพล สาระผล บุตร ทั้งรถยนต์ เงินฝากธนาคาร ที่ดิน เป็นต้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ซึ่งอยู่ในการถือครองของอรอนงค์ สาระผล คู่สมรส ภณิดา สาระผล บุตร และภพพล สาระผล บุตร เป็นเงินทั้งสิ้น 19,947,750 บาท
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตามรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 118 ต่อไป
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติ ตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วแต่กรณี ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี ตามนัยมาตรา 125 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ด้วย
2.เมื่อปี 2565 มีมติเอกฉันท์ 8 เสียง (มีกรรมการ ป.ป.ช. 1 รายมิได้เข้าร่วมประชุม) ยกคำร้องกล่าวหา อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ หรืออัฐฐิติพงษ์ ทีปวัชระ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการกรม และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว หรือผู้อำนวยการกองบริหารการค้าข้าว กรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ
โดยจากการไต่สวนไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า มีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มมากขึ้นมากผิดปกติ หรือมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แต่อย่างใด
ความคืบหน้าล่าสุดเรื่องนี้คือ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ กรณีร่ำรวยผิดปกติแล้ว โดยมีพฤติการณ์ให้ “คนใกล้ชิด” ถือครองทรัพย์สินแทน เบื้องต้นมีรายงานข่าวว่า “บุญทรง” รับทราบข้อกล่าวหา และส่งคำชี้แจงไปยัง ป.ป.ช.แล้ว
เท่ากับว่าปัจจุบันยังเหลือบุคคลที่ถูกกล่าวหาคือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่กำลังเผชิญวิบากกรรม “บุญทรง” ที่เพิ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา “มนัส สร้อยพลอย” อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และ “ทิฆัมพร นาทวรทัต” อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว ที่ยังคงถูกไต่สวนอยู่
ดังนั้น “ดาบสอง” คดีร่ำรวยผิดปกติดังกล่าว จะยังคงตามมาหลอกหลอน “ยิ่งลักษณ์” อีกหรือไม่ คงต้องติดตามกัน







