'สว.' ตั้งกมธ.ร่วมสอบจริยธรรม-มาตรฐานแพทย์ เอื้อ 'นักโทษ'

'สว.' ตั้งกมธ.ร่วมสอบจริยธรรม-มาตรฐานแพทย์  เอื้อ 'นักโทษ'

"2กมธ.สว." ทำงานร่วมกัน ตรวจสอบจริยธรรม-มาตรฐานแพทย์ กรณี มติแพทยสภา ลงโทษแพทย์ 3 คน เอื้อ "นักโทษ" วีไอพี คาด 45วันรู้ผล ปัดเป็นเกมการเมือง

ที่รัฐสภา นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา แถลงการตรวจสอบข้อเท็จจริงของแพทยสภามีมติลงโทษในกรณีชั้น 14 ว่า ขณะนี้การศึกษาเรื่องกรณีชั้น 14 มีมูลเหตุจากมติของแพทยสภาครั้งที่ 5/2568 ซึ่งมีการพิจารณาเรื่องจากคดีจริยธรรมของแพทย์ที่ถูกกล่าวโทษว่า ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมและวิชาชีพเวชกรรม ในการดูแลผู้ต้องขังระดับสำคัญมากโดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่ง นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา ได้เปิดเผยในที่ประชุมว่า ที่ประชุมแพทยสภาได้มีมติตักเตือนแพทย์ 1 คน และพักใช้ใบประกอบแพทย์วิชาชีพเวชกรรม 2 คน เนื่องจากการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และข้อมูลหลักฐานที่ได้รับ ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า มีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายดังกล่าว 

"ข้อเท็จจริงดังกล่าวสะท้อนถึงความไม่โปร่งใสในการให้ข้อมูลทางการแพทย์ และขุ่นเคืองต่อกระบวนการยุติธรรมเหลื่อมล้ำต่อการปฎิบัติต่อผู้ต้องขังรายอื่น จึงเป็นเหตุให้ กมธ.เห็นพ้องเพื่อพิจารณาศึกษาร่วมกัน เพราะเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพแพทย์ ซึ่งเป็นหัวใจของระบบสาธารณสุขที่ประชาชนควรคาดหวังเชื่อมั่น" นพ.ประพนธ์ กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ท. บุญจันทร์ นวลสาย สว. ฐานะประธาน กมธ.กฏหมายและการยุติธรรม  สว. กล่าวว่าจากการหารือร่วมกัน จึงได้กำหนดแนวทางการพิจารณาต่อประเด็นจริยธรรมทางการแพทย์ โดยจะเชิญ ราชทัณฑ์ และองค์กรวิชาชีพมาให้ข้อมูลอย่างรอบด้านเพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและระบบโดยรวม เพื่อมีเป้าหมายให้จัดทำเสนอข้อเสนอในเชิงระบบ และข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเสนอต่อวุฒิสภา และส่งต่อไปยังหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงเพื่อดำเนินการต่อไป 

"การที่บุคคลหนึ่งได้รับการปฎิบัติที่อาจแตกต่างจากผู้ต้องขังทั่วไป โดยอาศัยการรับรองทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง อาจเป็นสัญญาณของปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความที่ทำของประเทศที่อาจถูกบิดเบือน ทั้งนี้ กมธ.ร่วมไม่ได้มีเจตนาในการทำลายเกียรติของวิชาชีพแพทย์แต่ธำรงไว้เพื่อความเป็นธรรมความ น่าเชื่อถือของระบบยุติธรรม" พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว

พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าวด้วยว่าการทำงานของกมธ.​จะไม่แทรกแซง ทั้งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และกรมราชทัณฑ์ เพียงแต่เป็นการศึกษาในแนวทางข้อกฎหมายว่า ให้อำนาจกับกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจให้ทำสิ่งใดได้บ้าง หลังจากนั้นจะมานำเสนอให้กับประชาชนรับทราบ ซึ่งคาดว่าใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 45 วัน สำหรับการศึกษาที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการฯ แต่ละชุด ในขณะนั้นติดขัดเรื่องเวชระเบียน แต่ในการศึกษาครั้งนี้ จะเริ่มต้นจากมติของแพทยสภา

"เรื่องนี้ไม่มีการโจมตีทางการเมือง หลังเกิดเหตุการณ์เรียก สว.ที่ถูกกล่าวหาในคดีการฮั้วเลือก สว.ไปรับทราบข้อกล่าวหา"​ พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว.