'งบฯ 69’ วัดกึ๋น ‘เพื่อไทย’ กู้ชื่อ หรือเสียหน้า‘ชินวัตร’

'งบฯ 69’ วัดกึ๋น ‘เพื่อไทย’  กู้ชื่อ หรือเสียหน้า‘ชินวัตร’

การจัดงบฯ69 ถูกวิจารณ์ว่า "ไม่ตอบโจทย์ภาวะวิกฤต" และมีบทวิเคราะห์ชี้ว่า ไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน หาก พท. ยังไม่ใช้โอกาสพิสูจน์ฝีมือ อาจเป็นจุดจบในสนามเลือกตั้ง

KEY

POINTS

Key Point :

  • พรรคเพื่อไทย ฐานะแกนนำรัฐบาล ถูก "ฝ่ายค้าน" สับเละจากการจัดงบฯ69 ไม่ตอบโจทย์ภาวะวิกฤต
  • มีบทวิเคราะห์ทั้งจากสำนักงบประมาณ ของรัฐบาลและรัฐสภา ชี้ว่า ปี2568-2569 ไทยเผชิญความเสี่ยงหลายด้าน
  • ทั้งปัจจัยภายนอก จากการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐ และปัจจัยภายในประเทศ ที่เสียดุลการค้าให้ "ของถูก" จากจีน
  • บวกกับสถานการณ์การเมืองที่ไม่สู้ดี จากศึกในพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้มีการประเมินสัญญาณต่อการ "เลือกตั้ง" หลังงบฯ69 ผ่านไประยะหนึ่ง
  • หาก "พท." ไม่เร่งโชว์ฝีมือแก้ปัญหา อาจกระทบต่อ "ตระกูลชินวัตร" ที่ต้องเสียราคาคุย และสูญหายจากความไว้เนื้อเชื่อใจ ให้กู้วิกฤตของประชาชน

สภาผู้แทนราษฎร นัดพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก มากถึง 4 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 28 - 31 พ.ค.2568 และนัดลงมติในวันสุดท้ายของเดือน พ.ค.เวลาประมาณ 19.00 น.

โดยการเสนอของบประมาณในยุคของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกฯ ถูกวิจารณ์จากพรรคฝ่ายค้าน อย่าง “พรรคประชาชน” ว่า “ไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคปัจจุบัน” ที่เผชิญปัญหารุมเร้า ทั้งจากปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ

“การจัดงบประมาณของรัฐบาลไม่ตอบโจทย์เศรษฐกิจ ต้องสู้กับสงครามการค้า แต่กลับทำงบย้อนยุคไปก่อนมีเหตุการณ์โควิด-19 นอกจากนั้นในงบกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57แสนล้านบาท ที่รัฐบาลเปิดให้หน่วยงานท้องถิ่น และภาครัฐส่งโครงการภายใน 3 วันนั้นยังไร้หลักเกณฑ์ชัดเจน ว่าอยากเห็นเศรษฐกิจถูกกระตุ้นด้วยวิธีอะไร สะท้อนว่ารัฐบาลไร้แผนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านั้นในปี2568 มีบทเรียนจากแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูกใช้แบบเบี้ยหัวแตก และผลไม่เป็นไปตามเป้าหมาย” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุ

'งบฯ 69’ วัดกึ๋น ‘เพื่อไทย’  กู้ชื่อ หรือเสียหน้า‘ชินวัตร’

ข้อวิจารณ์ของฝ่ายค้านนั้น สอดคล้องกับ การวิเคราะห์งบประมาณปี 2569 ที่จัดทำโดย “สำนักงบประมาณ” สำนักนายกรัฐมนตรี ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2569 ตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 (กรณีฐานที่ไม่รวมกับผลดำเนินมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ) คาดว่าจะขยายตัว 23.-3.3% แต่เศรษฐกิจไทยมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจ มีปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจทำให้ตัวเลขขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์

อีกทั้งยังสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ “สำนักงบประมาณของรัฐสภา” (สงร.) ที่ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยกดดันที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจว่า ข้อจำกัดของพื้นที่การคลังระหว่างปี 2568-2569 ที่ใกล้ถึงเพดาน มีข้อจำกัดการเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยจากหนี้ครัวเรือนในเกณฑ์สูง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

“ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการค้าโลก ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก การกดดันการส่งออกให้ชะลอตัวจากสถานการณ์ต่างๆ อาทิ มาตรการกีดกันทางการค้า ความยืดเยื้อของสถานการณ์ขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจชะลอตัว จากการบริโภคภายในประเทศลดลง ส่งผลให้ภาคการผลิตเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน ทำให้การส่งออกสินค้าไปประเทศต่างๆ ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าจีนที่มีราคาต่ำได้” สงร. วิเคราะห์

นอกจากนั้นแล้ว “สงร.” ยังมีบทวิเคราะห์ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน พบว่าปี 2569 ทำไว้ 339 โครงการ ได้งบประมาณรวม 1.9 หมื่นล้านบาท โดยเกือบทุกด้านได้รับงบฯ เพิ่มขึ้น ยกเว้นยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุล และการพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ ที่สะท้อนได้ว่า “นโยบายไม่ได้มุ่งไปสู่การลดค่าใช้จ่ายการบริหารงานภาครัฐ”

'งบฯ 69’ วัดกึ๋น ‘เพื่อไทย’  กู้ชื่อ หรือเสียหน้า‘ชินวัตร’

“ทั้งนี้ มีข้อพึงระวังต่อสถานการณ์ การบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2567 ที่ลดลง อาทิ ดัชนีประชาธิปไตย อัตรารายได้ต่อหัวประชากร คุณธรรมของคนในสังคม การมีส่วนร่วมด้านชีวิต ครอบครัวและชุมชน รวมถึงความยากจนของกลุ่มผู้สูงอายุ” สงร. ระบุในบทวิเคราะห์

นอกจากนั้น การเสนอของบฯ ยังถูกตั้งข้อสังเกต จากกรณีที่รัฐบาล โดยกระทรวงมหาดไทยทำหนังสือถึง “หน่วยงานท้องถิ่น” ในสังกัดให้เสนอโครงการเพื่อของบฯในส่วนของ 1.57 แสนล้านบาท ที่โยกจาก “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” ไปเป็น “แผนสำหรับขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” เข้ามาสู่ส่วนกลางภายใน 3 วัน

“ฝ่ายค้าน” ตั้งข้อสังเกตว่า สุ่มเสี่ยงต่อการทำโครงการที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์แท้จริง และส่อว่า “อาจมีเงินทอน” เพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะเตรียมตัวเลือกตั้ง ก่อนที่รัฐบาลครบวาระ

นอกจากนั้น ยังจับสังเกต จากการผันงบลงสู่ท้องถิ่น ไม่ว่าด้วยกลไกทางงบประมาณ ซึ่งตัวเลขปี 2569 พบการจัดสรรงบฯ ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดสูงถึง 2.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่งบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สูงถึง 3.89 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2568 หรือ งบฯ พิเศษ ก้อนโต 1.57 แสนล้านบาท ถูกมองว่าเป็นสัญญาณเร่ง “เลือกตั้ง"

หากจับทางสัญญาณไม่สู้ดี จากความขัดแย้งระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ผ่านตัวแทนอย่าง “สว.สีน้ำเงิน” กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะทำงานสืบสวนฯ ของกรรมการการเลือกตั้ง อีกทั้งยังมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับ “แกนนำรัฐบาล-ผู้นำทางจิตวิญญาณ” รวมถึง “การยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย” ที่ผสมปนเป เป็นความไม่ไว้ใจภายในพรรคร่วมรัฐบาล

'งบฯ 69’ วัดกึ๋น ‘เพื่อไทย’  กู้ชื่อ หรือเสียหน้า‘ชินวัตร’

เมื่อถอดรหัสสัญญาณอันตรายต่อการเมือง ทำให้พรรคฝ่ายค้านคาดการณ์ว่า อาจเป็นตัวเร่งให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังงบฯ 69 ผ่าน สภาฯ ไประยะหนึ่ง

แม้ในบทวิเคราะห์ของฝ่ายค้าน และหน่วยงานรัฐสภา จะประเมินภาพรวมของงบฯ 69 ไว้เลวร้ายอย่างไร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือโอกาสของการพิสูจน์ฝีมือ “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่จะนำประเทศฝ่าวิกฤติรอบด้าน เพื่อเรียกความเชื่อมั่น และกระแสนิยม คืนมา

อาจเป็นโอกาสที่เหลือไม่มาก เพราะหากทำไม่ได้ “ตระกูลชินวัตร” ในยุค “แพทองธาร” ย่อมถูกตราหน้าว่า “ไร้น้ำยา” ในการบริหาร แก้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ

และรอบหน้าอาจไม่ได้รับความไว้วางใจ ให้ “เพื่อไทย” ถือธงนำ เป็นรัฐบาลพรรคเดียวแน่นอน.