'พิชัย' ห่วงเศรษฐกิจ ฝาก สส.แปรญัตติงบปี 69 แก้โครงสร้างประเทศ

"พิชัย" รับฐานะคนไทย กังวลใจในสถานการณ์เศรษฐกิจ ฝาก "สส." แปรญัตติงบปี 2569 เพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ย้ำรายการเสนอขอเพราะ สส.- พื้นที่ขอมา
ที่รัฐสภา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2569 วันแรก ว่าการอภิปรายของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ทำให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์ แต่จะเป็นจริงตามที่คาดหรือไม่ตนขอชี้แจงในรายละเอียด เพื่อประกอบการอภิปรายของสภาฯ
"ผมกังวลใจฐานะเป็นคนไทย และเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจว่าสิ่งที่ต้องการแก้ให้ได้ คือ ประเทศไทยกินดีอยู่ดี ใช้จ่ายเติบโต หมายถึงมีโครงสร้างการผลิตเพื่อให้เกิดการจ้างงาน ช่องว่างคนรวยคนจนแคบลง"
ทั้งนี้การผลักดันเศรษฐกิจต้องสร้างความพร้อม และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อเอกชน รวมถึงเกษตรกรรม และผู้ลงทุน ซึ่งพบว่าการลงทุนในประเทศไทย หายไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเครื่องจักรดังกล่าวไม่เดิน คือ ลงทุนภาคเอกชนหายไป ผู้ค้าน้อยลง ไม่เห็นโอกาสการส่งออก ทำให้การจ้างงานลดลง
“ที่บอกว่ามีเงินกองอยู่บนโต๊ะ เช่น งบประมาณ 3.8 และเงินที่อยู่ในรัฐวิสาหกิจอีก 3.8 นั่นคือ การลงทุนโดยตรงเพื่อเอกชน เพื่อเลี้ยง และบริหารตัวเอง การขาดดุลในมุมมองของคนข้างนอก ขาดดุลมา 8 แสนล้านบาท ติดกัน 2 ปีสูงถึง 4% ถามว่าสูงหรือไม่ มองแบบนี้สูง เพราะเขามองว่าไม่ควรเกิน 3.25%"
แต่ทฤษฎีในระบบงบประมาณ 8.5 แสนล้านบาท มีการคืนเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท ความหมายคือ หนี้สาธารณะ 1.2 ล้านล้านบาท มีการคืนเงินต้น 1.5 แสนล้านบาท ดังนั้นขาดดุล 7 แสนล้านบาท หรือ 3% การขาดดุลที่ทำไปข้างหน้าทุกปี ต้องพยายามลดรายจ่ายให้ได้ และต้องปรับปรุงเรื่องที่เรื้อรังให้ได้
นายพิชัย ชี้แจงต่อว่า การเก็บรายได้อยู่ในเป้าหมายได้ ดังนั้นเงินขาดเงินคงคลังไม่มากกว่าเดิม เศรษฐกิจกำลังไต่ระดับ และเงินเฟ้ออาจจะสูง หากการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาวะที่จำเป็น ยอดการส่งออกได้รับผลกระทบ จะใส่เม็ดเงินเพื่อสร้างความพร้อม เพราะอนาคตต้องมองรายได้ในประเทศมากขึ้นไม่พึ่งการส่งออก และปรับโครงสร้างการผลิต
สำหรับการใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท มีข้อจำกัด ดังนั้น การทำงบปี 2569 อยู่บนพื้นฐานของเดิม ขอให้ดูงบให้ละเอียด และแปรญัตติเพื่อไปแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้ได้ ข้อเสนอที่เสนอนั้น ในพื้นที่ทั้ง สส.และเจ้าหน้าที่เขตได้เสนอ โดยมากกว่า 90% สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ทำมีมากกว่า 4 ล้านล้านบาท
"งบปีนี้เริ่มรู้ว่าสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลง เราต้องปรับใหม่เพื่อให้โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาในประเทศ และแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เกิดการลงทุนนอกงบประมาณมากขึ้น และการจัดงบประมาณได้คำนึงสิ่งที่เกิดขึ้น เห็นด้วยต้องปรับปรุงระบบราชการให้ทันสมัย และเล็กลง ผมได้ทำแผนไว้แล้ว" นายพิชัย กล่าว
ทั้งนี้การทำงบประมาณต้องทำแบบขาดดุล เพราะประเทศไทยยังไม่โต การขาดดุลต้องคำนึงถึงหนี้ที่เกิดขึ้นให้สมดุลกับจีดีพี ในสัดส่วนที่รับได้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







