'โรม' หัวเราะลั่น ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ สวน 'อุปกิต' อย่าเพิ่งดีใจ

'โรม' หัวเราะลั่น ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ สวน 'อุปกิต' อย่าเพิ่งดีใจ

'โรม' หัวเราะลั่น สวนกลับ 'อุปกิต' อย่าเพิ่งดีใจ รอคดีจบในชั้นศาลสูงก่อน ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ เผยชนะคดีหมิ่นประมาทมาแล้ว

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องทุกข้อหาของนายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีต สว. ว่า กรณีนี้เราอาจจะแยกออกมาเป็น 2 คดี คดีแรกคือคดีนายทุน มิน ลัต และพวก ส่วนอีกคดีเป็นคดีของนายอุปกิต ทั้ง 2 เรื่องนี้ ควรจะเป็นคดีเดียวกัน ถ้าไม่มีกระบวนการต่าง ๆ ถ้าเราไปดูคดีนายทุน มิน ลัต ศาลก็ยกฟ้อง ไม่เชื่อการดำเนินคดีของฝั่งตำรวจ และอัยการ แต่ปัจจุบันเท่าที่ตนทราบ อัยการสูงสุดได้ยื่นอุทธรณ์คดีดังกล่าว ดังนั้น ในคดีของนายอุปกิตก็อยู่ที่อัยการสูงสุดจะอุทธรณ์หรือไม่ เพราะตนก็ยืนยันว่าหากมาตรฐานเรื่องคดียาเสพติดเป็นแบบนี้ ตนคิดว่าจะส่งผลร้ายแรงต่อการปราบปรามคดียาเสพติดทั้งระบบอย่างแน่นอน

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้เข้าใจ การจับตัวการใหญ่ในคดียาเสพติดไม่มีทางที่คุณจะไปจับเขา โดยที่เขาพกยาเสพติดมาด้วย เขาจะมีการเก็บยาเสพติดไว้ในบ้าน เป็นกิโล เป็นตัน ๆ เป็นไปไม่ได้ เพราะขบวนการแบบนี้ทำกันเป็นระบบ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงทำให้การทลายยาเสพติดไม่ง่าย แน่นอนที่สุดตนน้อมรับในสิ่งที่ศาลฯ ตัดสิน แต่ในวันนี้คดีของนายอุปกิตยังไม่สิ้นสุด ต้องให้ศาลสูงได้ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าแนวปฏิบัติคดียาเสพติดสุดท้ายเป็นอย่างไร 

“ถ้ายกกันแบบนี้ แม้ว่าเส้นเงินยาเสพติดจะมีการพัวพันก็ตาม ในอนาคตจะปราบปรามยาเสพติดได้ยากมาก และผลกระทบจะตกที่ประชาชนอย่างแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เพราะนายอุปกิตเตรียมจะฟ้องกลับ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายอุปกิตได้ฟ้องตนแล้ว 3 คดี ในข้อหาหมิ่นประมาท 2 คดีแรกศาลชั้นต้นยกฟ้อง ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักหรือมีความแค้นกับนายอุปกิตเป็นการส่วนตัว ทั้งหมดที่อภิปราย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ได้ใส่สีเติมแต่งข้อมูลทั้งสิ้น ทุกอย่างเป็นไปตามสำนวนที่หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ได้ดำเนินการ ดังนั้น ถ้าจะมาฟ้องตนก็เป็นสิทธิ์ แต่ตนก็จะสู้คดีอย่างเต็มที่ ไม่ได้หนักใจหรือกังวลอะไร วันนี้สิ่งที่อยากเห็นจากประเทศเราคือตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ลองคิดว่าเราจะจับตัวการใหญ่ได้อย่างไร ถ้ามาตรฐานยังเป็นแบบนี้

“ต่อไปนี้ใครอยากทำยาเสพติด โดยเฉพาะนำเข้ายาเสพติดมาจากฝั่งเมียนมา วิธีการง่ายคือถ้าอยากจะฟอกเงิน ก็ไปใช้โต๊ะเงินถ้าการโอนเงินระหว่างประเทศทำไม่สะดวก แต่คุณก็รู้กันกับโต๊ะเงิน เจ้าของโต๊ะก็ถูกออกหมายจับ แล้วคุณก็บอกว่าทุกอย่างบริสุทธิ์หมดจด เป็นการกระทำที่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ต้องยื่นภาษี ถ้าเราอยู่กันแบบนี้ประเทศไทยของเราจะมีปัญหามากผมคาดหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่และดีที่สุด” นายรังสิมันต์ กล่าว  

ส่วนตำแหน่งและฉายาทรงเอที่นายอุปกิตฝากคืน นายรังสิมันต์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า รอให้คดีสิ้นสุดก่อนดีหรือไม่ ถ้าสุดท้ายคดีนี้จบลงที่ไม่มีการอุทธรณ์ต่อ เป็นไปได้ 2 ทาง ทางแรกคือต้องไปพิจารณาว่าขัดต่อแนวปฏิบัติหรือไม่ เท่าที่ตนทราบคดีลักษณะแบบนี้ อัยการจะอุทธรณ์ และถ้าอุทธรณ์ไปแล้ว และไม่สามารถเอาผิดได้ ก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้น อย่าเพิ่งรีบมั่นใจเกินไปในตอนนี้ ตนก็ได้แต่เตือนผู้มีอำนาจบรรดาคนที่เกี่ยวข้องทั้งหลายว่าคิดให้ดีในเรื่องการสร้างบรรทัดฐานในคดียาเสพติด  เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นช่องว่างให้อาชญากรอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่าง