'ทักษิณ' ฟาดเกมปั่น 'รัฐบาล' ป่วน รอพายุการเมืองคลื่นลมสงบ

นิติสงคราม ระหว่าง “ค่ายแดง-ค่ายน้ำเงิน”  บิ๊กเนมทั้งหลังฉาก หน้าฉาก ยังคงเดินหน้าปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง กลเกมที่โยงใย“กลุ่มชนชั้นนำ” ผูกปม “รัฐพันลึก” ทำให้คนในกระดานการเมืองต้องระมัดระวัง

สงครามตัวแทนจาก “ค่ายแดง” มี “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร คีย์แมน สส.เพื่อไทย และบรรดาเครือข่ายผนึกกำลังตั้งป้อมสู้ โดยมีบ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นฐานบัญชาการ

ฟากฝั่ง “ค่ายสีน้ำเงิน” มี “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทีม สส. ภูมิใจไทย และสว.สีน้ำเงิน” ผนึกกับเครือข่ายอนุรักษ์ คอยค้ำยันอำนาจ โดยมี “บ้านบุรีรัมย์” เป็นฐานบัญชาเกม

ปฏิบัติการ “ค่ายสีน้ำเงิน” เริ่มมีให้เห็นจากการขวางนโยบายสำคัญของ “พรรคเพื่อไทย” อาทิ การพิจารณาร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โครงการแลนด์บริดจ์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น 

เกมสกัดนโยบายเรือธงของ “พรรคเพื่อไทย” ทำให้เสถียรภาพของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เริ่มสั่นคลอน เมื่อผนึกกับการเคลื่อนเกมของ “สว.สีน้ำเงิน” ที่มักจะเล่นคีย์เดียวกับ “พรรคสีน้ำเงิน” ยิ่งทำให้ “เครือข่ายสีแดง” ไม่ไว้วางใจ 

ที่สำคัญอำนาจของ “สว.สีน้ำเงิน” คือประกาศิต เห็นชอบ “องค์กรอิสระ” สำคัญ ยิ่งทำให้ “นายใหญ่” หวาดหวั่น

ขณะเดียวกัน “ขุนพลสีแดง” จำเป็นต้องออกอาวุธ โดยเดินเครื่องคดี “ฮั้ว สว.” ชงเรื่องกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกหมายเรียก “สว.สีน้ำเงิน - สมาชิกพรรคสีน้ำเงิน” เข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปแล้ว 4 ลอต รวม 105 คน

โดยรายชื่อขบวนการ ฮั้ว สว. มีทั้งหมด 150 คน ทำให้คาดการณ์ว่า จะมีการออกหมายเรียกอีกอย่างน้อย 45 คน ว่ากันว่า ลอตหลังๆ จะมี "บิ๊กเนม - สส. จากพรรคสีน้ำเงิน" อีกเพียบ

ขณะเดียวกัน คดีสองพี่น้อง “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์” ที่ระยะหลังผลออกมาในทางลบ คดีป่วยทิพย์ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” นัดไต่สวนวันที่ 13 มิ.ย.นี้ 

คดีจำนำข้าว “ศาลปกครอง” เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ผลสรุปให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ความเสียหาย 1 หมื่นล้านบาท

เมื่อต้องเผชิญเกมบีบ “ทักษิณ - เครือข่ายแดง” จำเป็นต้องสู้ เพื่อสร้างเงื่อนไขต่อรองทางการเมือง เพราะหากโดนรุกไล่จนต้อง “หักดีล” ภัยอันตรายอาจจะถึงตัว

อย่างไรก็ตาม ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าว “ทักษิณ” เตรียมหนีไปต่างประเทศอีกครั้ง เพราะไม่มั่นใจว่าการไต่สวนของ “ศาล” ในวันที่ 13 มิ.ย. จะเป็นคุณ หรือเป็นโทษ

ทว่า เขาปรากฏตัวต่อสาธารณะ เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

โดยระหว่างปาฐกถา “ทักษิณ” กล่าวทีเล่นทีจริงตอนหนึ่งว่า “วันนี้มีคนปล่อยข่าว ว่าผมหนีไปแล้ว และผมเพิ่งกลับมาวันนี้ ซึ่งหนีไปทางช่องทางธรรมชาติ แต่เครื่องบินจอดไว้ที่นี่ ออกช่องทางธรรมชาติ และบินไปที่อื่น ไปกันใหญ่ ผมไม่อยากให้ทุกท่านแต่งนิยาย จินตนาการเลอะเทอะ หลอกไปหลอกมา เชื่อตัวเองอีก บอกว่านายกฯ อิ๊งค์ไปรอลอนดอน และผมก็จะหนีตามไป เป็นเรื่องที่ตลก”

“วันนี้คนไทยต้องตั้งหลักให้ดี อย่าให้คนจูงได้ง่าย เฟกนิวส์มาจาก 2 ช่องทาง คือ หนังสือพิมพ์ที่ไม่มีคนอ่านแล้ว และทีวีตกรุ่น และสื่อออนไลน์ของสังคมไทย ไม่มีการเซ็นเซอร์เลย”

 

+ ลั่นไม่หนีออกนอกประเทศ

จากนั้นอดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อีกครั้ง หลังจบภารกิจบนเวที โดยติดใจประเด็นข่าวลือ เตรียมหนีออกนอกประเทศว่า 

“ผมจะแปลให้ฟังก่อนว่า ข่าวลือแปลว่าอะไร ข่าวลือแปลว่า ข่าวที่คนปล่อย อยากให้เป็นจริง ซึ่งส่วนใหญ่คือไม่จริง ส่วนใครที่เป็นคนปล่อยนั้นก็มีอยู่ไม่กี่คน อย่าไปสนใจมาก ผมไม่ค่อยใส่ใจอะไรมากมาย”

 แม้จะยืนยันว่าไม่มีเรื่องหนี แต่ทักษิณ ก็ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธว่า วันที่ 13 มิ.ย.จะไปตามนัดศาลด้วยตัวเองหรือไม่ โดยบอกว่า “ถามทนายอยู่ ว่าเขาให้ไปหรือไม่ เพราะความจริงแล้ว จะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ต้องมีทนายไป”

เมื่อผู้สื่อถามย้ำว่า จะเดินทางไปเองหรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวว่า “ยังไม่ทราบ มีเวลาอีกตั้งหลายวัน วันที่ 12 มิ.ย. ตอนเที่ยงคืนค่อยตัดสินใจ”

เมื่อถามอีกว่า สถานการณ์เป็นเช่นนี้จำเป็นต้องไปศาลเอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นหรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวว่า ”ไม่มีอะไรเลย จริงๆ แล้วจะไปหรือไม่ไป ก็เป็นเรื่องความร่วมมือกับศาล ถ้าศาลต้องการข้อมูล เราก็ให้ได้ ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรที่จะไปตื่นเต้น อย่ามาตื่นเต้นแทนผมสิ“

ส่วนในมุมที่ถูกวิเคราห์ว่า ตัวเขาจะไม่ไปไหน เนื่องจากลูกสาว “แพทองธาร” ยังอยู่ในเก้าอี้นายกฯ “ทักษิณ” ระบุว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรเลย แหม อุตส่าห์กลับมา แล้วก็มาทำงาน และมีพระบรมราชโองการ มีพระมหากรุณาธิคุณลดโทษแล้ว บอกให้ผมใช้ความรู้ ความสามารถช่วยเหลือประชาชนในบ้านเมือง ผมก็ต้องรับด้วยเกล้าฯ รับใส่เกล้าฯไว้ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ผม"

+ ถามจริยธรรม“แพทยสภา”มติชั้น14

นอกจากนี้ ทักษิณ ยังตั้งใจซัดมติแพทยสภา ที่ลงโทษแพทย์ 3 คน กรณีเกี่ยวโยงกับการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของเขา โดยระบุว่า “แพทยสภามีหน้าที่ดูเรื่องจริยธรรมของแพทย์ บางทีแพทยสภาก็ไม่มีจริยธรรมเสียเองก็มี บางคนไลน์กลุ่มหลุดออกมา แพทยสภาบางคนด่าผม อยู่ในไลน์กลุ่ม แล้วแพทยสภาอีกคนหนึ่ง ก็ตอบเป็นสติกเกอร์ไปว่า YES ซึ่งยังไม่ทันพิจารณาเลย อย่างนี้เรียกว่าจริยธรรมมีปัญหาเสียเอง ถ้าทุกฝ่ายรักษากติกา และรักษาจริยธรรมในวิชาชีพ ไม่มีปัญหา”

เมื่อถามถึงความกังวลต่อเรื่องนี้ “ทักษิณ” ยืนยันถึงความสบายใจว่า "ก่อนมา นายกฯแพทองธาร ซื้อเป็ดโฟร์ซีซั่นมาฝาก กินข้าวหมดจานสบายๆ ไม่ได้คิดเยอะเลย เพราะอายุขนาดนี้ อย่าไปคิดอะไรเยอะ อย่ามาชวนผมคิดเยอะ ผมไม่คิดเยอะ"

 หากผลออกมาเป็นลบจริงๆ “ทักษิณ” ระบุว่า “โอ้ อย่าเพิ่งสรุป ไม่มีอะไรต้องสรุปล่วงหน้า ผมเชื่อว่าผู้พิพากษาที่พิจารณา ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะต้องดูพยานหลักฐาน ดูการสืบพยานโจทก์ พยานจำเลย ฉะนั้น อย่าไปสืบเอง อย่าไปทำนายอะไรล่วงหน้า อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า ไม่มีอะไร”

เมื่อถามว่า แสดงว่าได้สัญญาณบวกจากกระบวนการใช่หรือไม่ "ทักษิณ" กล่าวว่า "ไม่ต้องมีสัญญาณ ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน บ้านเรามีกฎหมาย มีพยานหลักฐานอยู่ ฉะนั้น ทุกอย่างไม่ต้องมีสัญญาณหรอก ทำไมชอบไปฟังสัญญาณ"

+ แฉปั่นพายุฉากรบแดง-น้ำเงิน

 ตัดมาที่คดีน้องสาว ที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาให้ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชดใช้ความเสียหายโครงการจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้าน เฉพาะการระบายข้าว ให้ชดใช้ 1 หมื่นล้านบาทแทน “ทักษิณ” ยอมรับว่า ได้คุยกับน้องสาวอยู่บ้าง และอธิบายขั้นตอนกฎหมายอย่างละเอียด ถึงแนวทางการสู้คดี เพื่อความเป็นธรรม

ส่วนคดีนี้ จะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางกลับประเทศไทยของยิ่งลักษณ์หรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวเป็นนัยว่า “รอให้เหตุการณ์ทุกอย่างสงบ ตอนนี้มีคนปั่นพายุอยู่ เดี๋ยวพายุก็หมด ส่วนคนที่ปั่นพายุนั้น ไม่ทราบว่าเป็นใคร เป่าอยู่นั่น แต่เดี๋ยวก็จบแล้ว ไม่มีอะไร”

+ รับเจอ“เนวิน”สองเดือนก่อน

นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังตอบคำถามปรากฎการณ์ “ลูกน้องเก่า” จับมือกับ “คู่แค้นเก่า” โดย “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นปช. กับ “สนธิ ลิ้มทองกุล” อดีตแกนนำพันธมิตร ประกาศจุดร่วมว่า “ก็หลากหลายอารมณ์ อย่าไปใส่ใจ ผมมีลูกเมีย มีหลานต้องเลี้ยงเอง ไม่ต้องเลี้ยงลูกเมียคนอื่น”

เมื่อถามว่าถึง โอกาสที่จะได้เห็นภาพ “ทักษิณ” กับ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย สวมกอดกันบ้างหรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวว่า “ผมเจอกันหลายรอบ เจอกันเป็นประจำ”

จากนั้นเขาหันหน้าไปมอง หัวหน้าภูมิใจไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ยืนอยู่อยู่ข้างๆ ก่อนจะกล่าวว่าได้เจอ “เนวิน” เมื่อช่วงเดือนกว่าที่ผ่านมา แต่ “อนุทิน” ตอบว่า “สองเดือน” ทำให้ “ทักษิณ” หันมาพูดกับผู้สื่อข่าวอีกครั้งว่า “สองเดือน”

เมื่อถามว่า ขณะนี้เจอปั่นกระแสทั้งซ้ายและขวา “ทักษิณ” กล่าวว่า “ไม่เป็นอะไร บังเอิญผมเป็นคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว เพราะแก่แล้ว แต่ผมห่วงคนปั่น กลัวจะเครียดแล้วเส้นโลหิตในสมองแตก ติดเตียง ผมเป็นห่วง ขี้เกียจไปเยี่ยม”

+ ไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ-ไม่ยุบสภา

ต่อข้อถามถึงกระแสปั่นในขณะนี้ ที่เขาระบุ จะปั่นไปถึงเรื่องความสั่นคลอนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ “ทักษิณ” กล่าวว่า “ไม่มี ไม่เกี่ยว พรรคร่วมรัฐบาลจะไปสั่นคลอนได้อย่างไร ไม่มีอะไร ก็อยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ อยู่กันจนจบแน่นอน ไม่ต้องห่วงเลย”

เมื่อถามว่า จะไม่มีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกลางคันใช่หรือไม่ “ทักษิณ” ยืนยันว่า “ไม่มียุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสิน แต่ยังอีกนาน ไม่ใช่ตอนนี้”

เมื่อถามย้ำว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยจะกอดคอไปด้วยกันจนจบใช่หรือไม่ “ทักษิณ” ตอบทันทีว่า “ก็ตอนนี้ยังกอดได้อยู่” พร้อมยกมือขึ้นโอบไหล่ “อนุทิน” ทำให้ “อนุทิน” ยิ้มแล้วยกมือไหว้

ทั้งหมดคือจังหวะความเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ท่ามกลางสงคราม ขั้วแดง - ขั้วน้ำเงิน ที่หลายคำตอบ ยังตรงกันข้ามกับปฏิบัติการหน้าฉาก 

บางคำตอบ ส่งสารไปยัง “บิ๊กหลังฉาก” โดยท่าที - สีหน้าของ “ทักษิณ” สะท้อนความมั่นใจว่า “ซูเปอร์ดีล” ยังคงเดิม ไม่มี “สัญญาณ” เปลี่ยนแปลง