เดิมพันนิติสงคราม ‘ฮั้วสว.’ ‘น้ำเงิน’ลุยไฟ โหวต‘3 ป.ป.ช.’

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การ“ให้ความเห็นชอบ”ด่านสุดท้ายในส่วนของบุคคลได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช.จำนวน 3 คน
KEY
POINTS
- ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การ“ให้ความเห็นชอบ”ด่านสุดท้ายในส่วนของบุคคลได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช.จำนวน 3 คน
- "ดุลอำนาจ" ในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.จนถึงเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะ“ปลา 2 น้ำ” ระหว่าง “อำนาจเก่า” และ“อำนาจใหม่” ฉะนั้น การส่งคนเข้าไปเพื่อทำหน้าที่ในองค์กรดังกล่าว ถึงที่สุดไม่ใช่แค่การ “คานอำนาจ”แต่หมายรวมไปถึงบรรดาคดีร้อนที่ค้างคาอยู่ในป.ป.ช.ในเวลานี้ ซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายอนาคตการเมืองอีกด้วย
- เมื่อนิติสงครามยังไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะยุติลงได้ ในห้วงที่องค์กรอิสระกำลังเข้าสู่โหมดเปลี่ยนผ่าน “สัญญาณลุยไฟ”ก็อาจดำเนินควบคู่ไปในจังหวะเดียวกัน
การประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ วันที่ 30 พ.ค.นี้ ต้องจับตาวาระร้อน การตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ประกอบด้วย กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญ และอัยการ แบ่งเป็น กกต. 1 คน เสนอชื่อให้ตรวจสอบประวัติณรงค์ กลั่นวารินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน เสนอชื่อให้ตรวจสอบประวัติ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ อาจารย์คณะสังคมและมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางราง
บุคคลได้รับการเสนอชื่อตำแหน่งอัยการสูงสุด 1 คน เสนอชื่อให้ตรวจสอบประวัติ อิทธิพร แก้วทิพย์ รองอัยการสูงสุด
ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การ“ให้ความเห็นชอบ”ด่านสุดท้ายในส่วนของบุคคลได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งกรรมการป.ป.ช.จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1.ประกอบ ลีนะเปสนันท์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา 2.เพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ และ 3.ประจวบ ตันตินนท์ อดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน
แน่นอนว่า ท่ามกลางฉาก“นิติสงคราม” ใน “คดีโพยฮั้วสว.” ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่การสรรหาบุคคลเข้าไปทำหน้าที่ใน “องค์กรอิสระ” อยู่ในมือสีน้ำเงิน
เป็นเช่นนี้ย่อม ต้องจับตาว่า “ดุลอำนาจ”ในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ ป.ป.ช.จนถึงเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะ“ปลา 2 น้ำ” ระหว่าง “อำนาจเก่า” และ“อำนาจใหม่”
ฉะนั้น การส่งคนเข้าไปเพื่อทำหน้าที่ในองค์กรดังกล่าว ถึงที่สุดไม่ใช่แค่การ “คานอำนาจ”แต่เพียงเท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงบรรดาคดีร้อนที่ค้างคาอยู่ในป.ป.ช.ในเวลานี้ ซึ่งจะชี้เป็นชี้ตายอนาคตการเมืองอีกด้วย
ท่ามกลางเกมนิติสงคราม ที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ มีการเปิดเกมเบรกจากฝั่ง“สว.เสียงข้างน้อย” ทั้ง“หมอเปรม”นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ที่ตั้งตนเป็นสว.สายสีขาว แต่เบื้องลึกมีความแอบอิงกับพรรคสีแดง
ที่ก่อนหน้านี้ ออกมาเรียกร้อง ให้“ชะลอ”วาระดังกล่าว โดยอ้างถึงความเร่งรีบในการเสนอชื่อ เปรียบเปรยว่า “แทบจะเอาเสลี่ยงไปหามเข้ามา”
หรือในส่วนของ “นันทนา นันทวโรภาส” สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ ที่พยายามเดินเกมรวบรวมรายชื่อ “20สว.” เพื่อยื่นประธานวุฒิสภาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ สว.ที่มีประเด็นถูกตรวจสอบคดีฮั้วสว. ต้องสิ้นสภาพ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ประกอบมาตรา 113 และ มาตรา 114
ทว่าจนถึงล่าสุด เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า สว.กลุ่มนี้อาจต้อง “พับแผน” ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่สามารถรวบรวมรายชื่อได้ทันก่อนวันที่ 28 พ.ค.ซึ่งวุฒิสภาจะมีการพิจารณาวาระดังกล่าว
โดยสาเหตุเกิดจากประเด็น“เห็นต่าง”ของกลุ่มสว.อิสระ ขณะที่อีกส่วนไม่อยากเปิดตัวออกหน้าสื่อ ทำให้สว.กลุ่มนี้ไม่ได้ร่วมลงชื่อด้วย
เห็นชัดจากท่าทีของ “เทวฤทธิ์ มณีฉาย” สว.กลุ่มอิสระ แถลงวันก่อน เห็นแย้งกับ “สว.นันทนา” มองว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 อาจให้บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในการยับยั้ง หรือสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างมีการสอบสวน แต่ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมดุลกับระบอบประชาธิปไตย เพราะควรจะเป็นเพียงแค่การวินิจฉัยข้อกฎหมายต่าง ๆ เท่านั้น
“สว.กลุ่มอิสระ” จึงใช้วิธียื่นญัตติ ชะลอวาระเลือกกรรมการองค์กรอิสระออกไปแทน
ต้องเช็กสัญญาณ “ฝั่งสีน้ำเงิน” เวลานี้ ที่เริ่มเห็น“ฉากต่อรอง” ท่ามกลางคดีโพยฮั้ว ที่ล่าสุดมีการออกหมายเรียกลอต 4 จำนวน 16 คน
น่าสนใจตรงที่ รายชื่อสว.ที่ถูกเรียกลอต 3 จำนวน 24 คน และลอต 4 อีก16 คน กลับไร้ชื่อ “ผู้บงการ” รวมถึง“ผู้มีอิทธิพล” ตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้
ว่ากันว่า มีความพยายามเปิดเกมต่อรอง ด้วยการยื้อออกหมายเรียกรายชื่อส่วนที่เหลือ โดยเฉพาะในระดับ“คีย์แมน”ออกไป โดยมีข้อแลกเปลี่ยนบางประการ
เมื่อนิติสงครามยังไม่เห็นจุดเปลี่ยนที่จะยุติลงได้ ในห้วงที่องค์กรอิสระกำลังเข้าสู่โหมดเปลี่ยนผ่าน “สัญญาณลุยไฟ”ก็อาจดำเนินควบคู่ไปในจังหวะเดียวกัน







