วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.'

วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.'

สว.เปรมศักดิ์แฉ "วิปวุฒิสภา" เรียกประชุมด่วนพรุ่งนี้ หวังลักไก่ตั้ง กมธ.ตรวจสอบประวัติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.- ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ-อัยการสูงสุด จี้ชะลอก่อนเสียหาย

นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) เปิดเผยว่า มีหนังสือด่วนที่สุดออกเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2568 ส่งจากนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการ วุฒิสภา (วิปวุฒิ) ถึงกรรมาธิการวิสามัญฯ ทุกคน เรียกประชุมด่วน ในวันพรุ่งนี้ (28พ.ค.) เวลา 09.00 น.ที่อาคารรัฐสภา

มีวาระ เรื่องที่เสนอพิจารณา คือ การตั้งกรรมาธิการสามัญ ในคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอัยการสูงสุด

วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.' วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.' วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.'

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ตนขอให้ชะลอการเตรียมการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญฯ ออกไปก่อน เพราะการพิจารณาเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากที่ผ่านมาคณะกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เสนอชื่อบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มายังวุฒิสภาแล้ว จำนวน 2 คน

ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ แต่กลับไม่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาเสียงข้างมาก ที่ลงคะแนนไม่เห็นชอบมาแล้ว

นอกจากนั้น ในช่วงเวลาต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอได้มีมติให้สอบสวนเป็นคดีพิเศษ เรื่อง ฟอกเงินและอั้งยี่ อันเกี่ยวกับกระบวนการได้มาซึ่ง สว.

ขณะเดียวกัน กกต.ก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กรณีการได้มาซึ่ง สว.โดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม หรือการฮั้ว สว.ด้วย

ล่าสุดคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาแก่สว.แล้ว กว่า 60 คน และจะทยอยมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกประมาณ 90 กว่าคน ทำให้มี สว.จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเกือบ 150 คน ขณะเดียวกันดีเอสไอก็เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาในคดีอาญากับ สว.เหล่านี้อีกส่วนหนึ่งด้วย

แม้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย จะถือว่า สว.ที่ถูกดำเนินคดีเหล่านี้ เป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ก็ตาม แต่เนื่องจากการทำหน้าที่ของ สว.ต้องเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่บัญญัติว่า

“สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ย่อมเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ในความผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์” 

วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.'

จากบทบัญญัติดังกล่าว เป็นหลักการสำคัญที่สมาชิกวุฒิสภาต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากข่าวสาร ตามผลการตรวจสอบของ กกต.และดีเอสไอ พบว่ามีบุคคลอยู่เบื้องหลังในกระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา จนมีการตั้งฉายาว่า “สว.สีน้ำเงิน”

ด้วยเหตุนี้ทำให้สังคมเข้าใจไปได้ว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภาเหล่านี้ อาจทำตามความต้องการของบุคคลที่อยู่เบื้องหลังได้ ดังนั้นการลงมติใดๆ ของสมาชิกวุฒิสภาจึงอาจมิได้เป็นไปโดยอิสระอย่างแท้จริง 

วิปวุฒิเรียกประชุมด่วน ตั้ง กมธ.ตรวจประวัติ 'กกต.-ศาลรธน.-อสส.'

นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กรรมการการเลือกตั้ง และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีบทบาทและหน้าที่สำคัญ จึงควรได้บุคคลที่เป็นกลาง และทำหน้าที่ได้อย่างอิสระแท้จริง ไม่เป็นบุคคลที่มีฝ่ายการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสนับสนุน

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า มีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากถูกกล่าวหา และอยู่ระหว่างสอบสวน โดยมีข้อมูลว่า มีฝ่ายการเมืองสนับสนุน ดังนั้น เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อ ตลอดจนกระบวนการลงมติของสมาชิกวุฒิสภาเป็นไปโดยอิสระ ได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสุจริตเที่ยงธรรม และเป็นกลางทางการเมืองอย่างแท้จริง

จึงสมควรให้ชะลอ การแต่งตั้งคณะกรรมาธิการสามัญฯ ดังกล่าวไว้ก่อน และชะลอการเสนอชื่อต่อวุฒิสภาเพื่อให้เห็นชอบบุคคล ให้ดำรงตำแหน่ง กกต.และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไว้ก่อน จนกว่าจะได้ความชัดเจนในผลการดำเนินการของ กกต.และดีเอสไอ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับวุฒิสภาตามมาภายหลัง 

" วุฒิสภาเป็นสารตั้งต้นขององค์กรอิสระ ส่วนองค์กรอิสระเป็นสารตั้งต้นของประชาธิปไตยหากมาอย่างไม่สง่างามก็จะเกิดทางตันของประชาธิปไตยได้ จะเกิดข้อครหามีผลประโยชน์ต่างตอบแทนได้ เพราะ สว.ส่วนหนึ่งกำลังพัวพันเรื่องฮั้ว สว.อยู่ ถ้าการสอบสวนเรื่องนี้กระจ่าง ค่อยมาเลือกภายหลังได้ ไม่เสียหาย"

"ส่วนการไม่เลือกองค์กรอิสระในช่วงนี้ ก็ไม่เกี่ยวกับทำผิดมาตรา 157 ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เหมือนที่ สว.บางคนออกมาทักท้วงเลย แต่การฝ่าฝืนมติมหาชนที่มอง สว.อย่างไม่สง่างามต่างหาก ที่จะทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาสว.ดิ่งเหว การไม่เลือกวันนี้ ไม่ได้แปลว่าทำผิด แต่เลือกผิดวันนี้จะเสียหายในระยะยาว การฟังเสียงประชาชน คือหัวใจของการทำหน้าที่ในระบอบประชาธิปไตย สว.ที่ดี ต้องมีหูฟังประชาชน ไม่ใช่ฟังแต่เสียงตัวเองในห้องประชุม" นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว