จับจังหวะฝ่ายแค้นรุก'ทักษิณ' สงครามข่าว เขย่า'ชินวัตร'

ผลลบจากคำสั่งศาลพุ่งตรงไปยัง “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์” ทำให้ “ตระกูลชินวัตร” ต้องอ่านเกมกันหลายชั้นว่า “ดีลพลิกขั้ว” ยังคุ้มครองให้แคล้วคลาดเหมือนเดิมหรือไม่
KEY
POINTS
- 2 ปีกว่าที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้าสู่วงเวียนอำนาจ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร น่าจะรับรู้ได้ว่า มิตรภาพที่พรรคคู่แค้น หยิบยื่นให้ไม่จีรังยั่งยืน
- ผลลบจากคำสั่งศาลพุ่งตรงไปยัง “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์” ทำให้ “ตระกูลชินวัตร” ต้องอ่านเกมกันหลายชั้นว่า “ดีลพลิกขั้ว” ยังคุ้มครองให้แคล้วคลาดเหมือนเดิมหรือไม่
- ต้องจับจังหวะ การขยับเกมสไตล์ทักษิณต่อจากนี้ ท่ามกลางจุดเสี่ยงในสงครามการเมือง และแนวรบสงครามข่าว ที่ถูกปั่นให้ป่วนอย่างไร
หลังการเลือกตั้งปี 2566 ขั้วการเมือง กลุ่มการเมืองเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนเดิม เมื่อพรรคคู่แข่ง คู่แค้น ต้องเชื่อมสัมพันธ์ เพื่อรักษาอำนาจเอาไว้ผลัก“พลพรรคสีส้ม” ในฐานะ“อริใหม่”ให้พ้นวงโคจร
ทว่า 2 ปีกว่าที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเข้าสู่วงเวียนอำนาจ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร น่าจะรับรู้ได้ว่า มิตรภาพที่พรรคคู่แค้น หยิบยื่นให้ไม่จีรังยั่งยืน หาก“หัวขบวนอนุรักษ์” ต้องการเปลี่ยนเกม ก็พร้อมยุติใช้บริการได้ทุกเมื่อ
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่มี “พรรคร่วมรัฐบาล” จากขั้วอนุรักษนิยม ไม่ได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองในทิศทางเดียวกัน แต่ที่ต้องมาผนึกกัน เพื่อสกัด“เครื่องจักรสีส้ม” เข้ามาทลายโครงการสร้างทางการเมือง
การร่วมรัฐบาลแบบตบจูบ มีฉากรบฉากรักของบิ๊กการเมือง สะท้อนให้เห็นว่าเสถียรภาพของรัฐบาลสุ่มเสี่ยงมาก โอกาสที่จะร่วมมือกันพัฒนาประเทศในมิติต่างๆ ไม่มีออกมาให้เห็น
เช่นเดียวกับ แนวรบแนวต้าน “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร”กลับซุ่มรวมพลัง รอเวลาเปิดเกมเขย่า “ตึกไทยคู่ฟ้า-บ้านจันทร์ส่องหล้า” สร้างเงื่อนไขรอให้สถานการณ์สุกงอม เพราะรับรู้สัญญาณว่า “หัวขบวนอนุรักษ์” ไม่ได้ไว้เนื้อเชื่อใจ “ทักษิณ” 100%
โดยระยะหลังเกม “นิติสงคราม”ถูกหงายไพ่มาฟาดฟัน “ตระกูลชินวัตร” หวังกำราบ เพื่อสะกดไม่ให้ขยับเกมได้สะดวกมากนัก
ล่าสุด ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว ยุคนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ที่สั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท โดยให้จ่ายชดใช้เฉพาะค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ เป็นเงิน 10,028 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 ของความเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนดังกล่าว
หลังจากนี้ “กระทรวงการคลัง” ต้องดำเนินการยื่นฟ้องร้องใหม่ แต่คาดการณ์ว่าขั้นตอนอาจจะล่าช้าออกไป เนื่องจากเครือข่ายบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังกุมอำนาจ “กระทรวงซอยอารีย์” คงไม่ย้อนศรมาทิ่มแทง “นาย”
ทว่า คำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ถูกปั่นกระแสให้เชื่อมโยงกับคดีป่วยทิพย์ของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร จนต้องนำตัวมารักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่ ทักษิณ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ต้องส่งคำชี้แจง และหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ศาลภายใน 30 วัน นับตั้งแต่มีคำสั่ง (30 เม.ย.)
ประจวบกับเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ในฐานะจำเลยคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกประเทศ ไปยังประเทศกาตาร์ แต่ศาลไม่อนุญาตตามคำขอ และก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” ยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกประเทศมาแล้ว รวมทั้งหมด 6 ครั้ง ศาลอนุญาตเพียง 2 ครั้ง และไม่อนุญาต 4 ครั้ง
ผลลบจากคำสั่งศาล พุ่งตรงไปยังอดีตนายกฯ สองพี่น้อง “ทักษิณ - ยิ่งลักษณ์” ทำให้ “ตระกูลชินวัตร” ต้องอ่านเกมกันหลายชั้นว่า “ดีลพลิกขั้ว” ยังคุ้มครองให้แคล้วคลาดเหมือนเดิมหรือไม่
ขณะเดียวกันยังต้องอ่านสัญญาณแรงๆ จาก “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ที่มีเงาของ “หัวขบวนอนุรักษ์” ในบางสาย คอยจัดแจง แนวรบคดี “ฮั้ว สว.” เพื่อสู้กับ“ขุนพลสีแดง” จะเร่งเกมบีบจังหวะมาหรือไม่
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา จึงมีกระแสข่าวถูกปล่อยถูกปั่นออกมาว่า “ทักษิณ”เตรียม“หนีออกนอกประเทศ”อีกครั้ง โดยกระแสข่าวดังกล่าวถูกส่งต่อออกไปหลายช่องทาง
ในวันนี้ 27 พ.ค. “ทักษิณ”มีกำหนดการ จะปรากฎตัวบนเวทีของสำนักงาน ป.ป.ส. เพื่อปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมอง และความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในฐานะอดีตนายกฯ และที่ปรึกษาประธานอาเซียน
ต้องจับตาว่า“ทักษิณ” จะใช้จังหวะนี้ สยบข่าวลือด้วยตัวเองอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ “แพทองธาร”ลูกสาว ได้ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่า “คุณพ่อไม่หนี”
หากยังจำกันได้ ข่าวลือ“ทักษิณ”หนี เคยเกิดขึ้นมาเป็นระยะ กลางปีที่แล้ว ในจังหวะที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องในคดีอาญา ม.112 เมื่อวันที่ 9 ก.ย.2559 และนัดฟังคำสั่งวันที่ 10 เม.ย.2567 แต่ “ทักษิณ” ให้ทนายเลื่อนฟังคำสั่งอัยการ อ้างเหตุติดโควิด-19 และเก็บตัวเงียบจนมีข่าวลือ
ผนวกกับปรากฎการณ์ “คู่แค้นเก่า - คู่แค้นใหม่” อย่าง “สนธิ ลิ้มทองสกุล” และ “จตุพร พรหมพันธุ์” หันมาจับมือเฉพาะกิจ ร่วมกันล้างอำนาจ“ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร” จึงถูกนำมาผูกโยงกันหลายทาง
ต้องจับจังหวะ การขยับเกมสไตล์ทักษิณต่อจากนี้ ท่ามกลางจุดเสี่ยงในสงครามการเมือง และแนวรบสงครามข่าว ที่ถูกปั่นให้ป่วนอย่างไร







