ปรับทัพ ดับไฟใต้ สแกน‘มทภ.4’คนใหม่

ปรับทัพ ดับไฟใต้   สแกน‘มทภ.4’คนใหม่

หากมีการเปลี่ยนตัว มทภ.4 จริง จะเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง พล.ต.วรเดช กับ พล.ต.ชาคริต แต่ ต้องไม่ลืมเพื่อนร่วมรุ่นตท.26 ผบ.ทบ.อีกคน

KEY

POINTS

  • ต้นตอเจ้าหน้าที่ไม่สามารถคุมสภาพ 3จชต.ทำเกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง
  • มทภ.4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค4 มีอำนาจควบคุมทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ดูแลรักษาความเรียบร้อยในพื้นที่ถูกเพ็งเล็ง

 

 

 

การลงพื้นที่ 3 จังหวัด ชายแดนภาคใต้ 24-25 พ.ค.2568 ของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม เพื่อรับฟังปัญหาครั้งสุดท้ายในระดับปฏิบัติ นายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้การกรม ผู้บังคับกองพัน ก่อนนำมาประเมินผล

ก่อนหน้านี้ “ภูมิธรรม” ได้พูดคุยระดับนโยบายเป็นการส่วนตัว พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รองผอ.รมน.) และ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4

เพื่อหาต้นตอปัญหา เจ้าหน้าที่ไม่สามารถควบคุมสภาพพื้นที่ได้ หลังมีการก่อเหตุกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอในห้วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีข้อติดขัดเกิดจากส่วนใด

แน่นอนว่า ระดับนโยบาย ไร้หัวในการกำหนดทิศทางการทำงาน ผู้หลักผู้ใหญ่ลงพื้นที่แต่ละคน บ้างก็อ้างรับมอบหมายจาก “ภูมิธรรม” บางคนอ้างได้รับมอบหมาย “พรรคเพื่อไทย” มาแก้ปัญหาไฟใต้ สั่งงานกันคนละทิศละทาง

ครอบคลุมถึง“รัฐมนตรี”บางคนของรัฐบาล ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่กลับเรียกพบ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองในจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) มารับนโยบายการทำงาน ทำเอาเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานในพื้นที่สับสนอลหม่าน ไม่รู้จะปฏิบัติตามแนวทางของใคร

ระดับ “กองทัพบก” ปัญหาเรื่องรุ่นเตรียมทหาร(ตท.) ช่องว่างการทำงานระหว่างผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กับแม่ทัพภาค 4 (มทภ.4) พล.อ.พนา ตท.26 รุ่นน้อง พล.อ.ไพศาล ตท.รุ่น25 ซึ่งเป็นรุ่นพี่

แนวทางการแก้ปัญหา ผบ.ทบ.อยากเน้นงานเชิงรุก ด้วยการจัดชุดออกลาดตระเวน ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย เพื่อป้องปรามการก่อเหตุ โดยเน้นย้ำ มทภ.4 ไป 3 รอบ

ส่วน มทภ.4 เน้นงานเชิงรับเพื่อรักษาบรรยากาศไม่ให้กระทบสิทธิประชาชนในพื้นที่ การลาดตระเวน ตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายกระทำต่อเมื่องานด้านการข่าว 3 ฝ่ายตรงกัน คือ ฝ่ายทหาร ฝ่ายตำรวจ ฝ่ายปกครอง

ทว่า อำนาจเบ็ดเสร็จในการรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันความไม่สงบในพื้นที่ รวมถึงการกำกับดูแลควบคุมกำลังพล ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อยู่ในมือของ มทภ.4 ดังนั้น ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 จึงถูกเพ็งเล็ง

พล.ท.ไพศาล ถูกมองว่า ขาดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง มทภ.4 หลังเกิดเหตุถี่ยิบ ตั้งแต่การลอบยิงอดีตอุสตาซ หรืออดีตครูสอนศาสนาเสียชีวิต

ต่อเนื่องมาถึงเหตุลอบยิงพระภิกษุ สามเณร ขณะออกบิณฑบาต เหตุกราดยิงเข้าไปในบริเวณบ้านพักคนไทยพุทธ ส่งผลให้ผู้สูงอายุ เด็กอายุ 9 ขวบเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีเหตุคนร้ายประกบยิงคนพิการตาบอด ขณะเดินทางไปโรงพยาบาล

การแก้ปัญหาไฟใต้ที่ยังขาดความเป็นเอกภาพ เกี่ยวเนื่องกับการเลื่อนยศ ปลดย้าย โดยเฉพาะเก้าอี้ มทภ.4 ถูกวางทายาท มีการเผชิญหน้าระหว่างผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา แตะใครไม่ได้ เพราะเป็นน้องรักบิ๊กคนนั้น บิ๊กคนนี้

"ประมาณช่วงปลายเดือน มิ.ย. ผมจะสรุปแผนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ และมอบเป็นนโยบาย เพื่อให้รู้ว่าจะเดินอย่างไร ไปพร้อมกันทั้งระบบ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง หากเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้ว ก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าผมจะเปลี่ยนแม่ทัพภาคที่ 4 เพียงแต่ต้องจัดรูปแบบใหม่ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็ต้องช่วยผม ส่วนจะให้เวลาในการทำงานก่อนพิจารณาปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้น ทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการนี้ ต้องทำให้รวดเร็วที่สุด" ภูมิธรรม กล่าว

ปัจจุบัน พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ (ตท.25)นั่งเก้าอี้ มทภ.4 มา 8 เดือน มีอายุราชการถึงตุลาคม 2569 หากจะมีการปรับเปลี่ยนจะเป็นในช่วงการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี ก.ย.2568 นี้

หากย้อนดูการแต่งตั้งโยกย้ายทหารกลางปีที่ประกาศเมื่อ 13 มีนาคม 2568 ในส่วนกองทัพภาคที่ 4 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.พนา ผบ.ทบ.ได้ขยับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญพร้อมกันถึง 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย

พล.ท.อนุสรณ์ โออุไร แม่ทัพน้อยที่ 4 พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ รอง มทภ.4 หลานป๋า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พล.ต.กฤศ ศรีเดชาสินธุ์ เสนาธิการกองทัพน้อยที่ 4

ทำให้ชื่อ“พล.ท.อนุสรณ์”ถูกโฟกัส จะได้ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 และเปิดทางให้ พล.ต.นิติ ติณสูลานนท์ ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 4 ได้ ดังนั้นตำแหน่งสำคัญในกองทัพภาคที่ 4 อาจอยู่ในการดูแลของ ตท.26 รุ่นเดียวกับ ผบ.ทบ.ทั้งหมด

ทว่า มีกระแสข่าวอีกด้านว่า การผลักดัน“พล.ท.อนุสรณ์” เป็นแม่ทัพน้อยที่ 4 หวังถ่วงดุล 2 แคนดิเดต มทภ.4 ไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบมากนัก

พล.ต.วรเดช เดชรักษา (ตท.27) รองมทภ.4 ลูกหม้อกองทัพภาคที่ 4 น้องรัก และสายตรงของ 3 บิ๊ก อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ก่อนหน้านี้ คือ “บิ๊กเดฟ” พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ “บิ๊กเกรียง” พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และ “บิ๊กต้น” พล.อ.ศานติ ศกุนตนาค

อีกคน พล.ต.ชาคริต อุจะรัตน (ตท.28) รองมทภ.4 สายรบพิเศษ เคยเป็นผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 (ผบ.พล.รพศ.1) และทำงานอยู่ในพื้นที่ภาคใต้มาระยะหนึ่ง

พล.ต.ชาคริต ถูกส่งมาจากรบพิเศษ วางตัวให้เป็น มทภ.4 ดับไฟใต้โดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้มีความพยายามผลักดัน ให้เป็น มทภ. 4 แทน พล.ท.ไพศาล ด้วยซ้ำ แต่ฝ่าด่านสายลูกหม้อกองทัพภาค 4 ที่แท็กทีมกันแน่นหนาไม่ไหว ทำให้ต้องลุ้นกันอีกที ในการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปี ก.ย. 2568 นี้ 

หากมีการเปลี่ยนตัว มทภ.4 จริง จะเป็นการขับเคี่ยวระหว่าง พล.ต.วรเดช กับ พล.ต.ชาคริต ที่จะเกษียณอายุราชการปี 2571 กับ 2572 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมเพื่อนร่วมรุ่นตท.26 ของพล.อ.พนา อีกคนที่ถูกสอดแทรกเข้ามา “พล.ท.อนุสรณ์” แม้จะถูกมองเป็นตัวหลอกเพื่อมาถ่วงดุล เพราะไม่ใช่สายยุทธการโดยตรง

แต่นาทีนี้ เมื่อมีชื่อได้เป็นแคนดิเดต มทภ.4 อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับระดับนโยบายต้องพิจารณาใครเหมาะสมมากที่สุดในการแก้ไขปัญหาดับไฟใต้ให้มอดลง