ดีเอสไอ ส่งอัยการฟ้องคดีนอมินีตึก สตง. - ชง ป.ป.ช.สอบปมฮั้วต่อ

'ดีเอสไอ' หอบสำนวน 46 แฟ้ม 17,620 แผ่น ส่งอัยการฟ้อง 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินี 'ไชน่า เรลเวย์' มั่นใจได้ตัว 'บินลิง วู' คีย์แมนสำคัญแน่ จ่อส่งเรื่องไป ป.ป.ช.สอบ จนท.รัฐ ปมฮั้วต่อ
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 ได้มีการสรุปสำนวนในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือ "คดีนอมินี" กรณีกล่าวหา บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด พร้อมความเห็นเสนออัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย กรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทย 3 ราย คือ นายประจวบ ศิริเขตร นายโสภณ มีชัย นายมานัส ศรีอนันท์ กรรมการชาวจีน 1 ราย คือ นายชวนหลิง จาง และนายทุนชาวจีน 1 ราย ซึ่งอยู่นอกโครงสร้างของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ คือ นายบิน ลิง วู โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งในคดีนี้มีพยานเอกสารกว่า 17,620 แผ่น จำนวน 46 แฟ้ม
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน กล่าวว่า วันนี้เป็นการสรุปรายละเอียดให้ฟังว่าคดีพิเศษที่ 32/2568 เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องตึก สตง.ถล่ม ซึ่งดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 จึงจะได้มีการนำสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงบ่ายวันนี้ โดยมีจำนวนลังเอกสาร 46 ลัง เเละเอกสารกว่า 17,000 แผ่น พร้อมความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา 5 ราย โดยมี 1 ผู้ต้องหากำลังหลบหนีคือ นายบินลิง วู
เมื่อถามว่า ตามข้อมูลการสืบสวนว่าตอนนี้นายบินลิง วู หลบอยู่ที่ไหนนั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ดีเอสไอได้มีการประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เบื้องต้นผู้ต้องหายังหลบอยู่ในประเทศไทย มั่นใจว่าอีกไม่นานคงจะได้ตัวมาดำเนินคดี ส่วนจะมีใครให้ความคุ้มครองอยู่หรือไม่นั้น เรายังไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้ และยังไม่ขอลงรายละเอียดว่าผู้ต้องหาหลบอยู่ในพื้นที่ภาคใดของประเทศไทย ดังนั้น เมื่อจับกุมตัวได้เมื่อใด ก็จะนำตัวผู้ต้องหาพร้อมคำให้การส่งไปยังพนักงานอัยการในภายหลัง อย่างไรก็ดี หากผู้ต้องหาจะขอทำเอกสารขอความเป็นธรรม อันนี้เราไม่ทราบ ต้องแล้วแต่เทคนิกของแต่ละคน ส่วนตอนนี้เจ้าตัวยังไม่ได้มีการประสานขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า หากภายหลังจากที่ดีเอสไอได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการคดีพิเศษ แล้วพนักงานอัยการเห็นว่ามีประเด็นที่อยากมอบหมายให้ดีเอสไอไปสอบสวนเพิ่มเติม กรณีนี้หากอัยการเห็นว่ามีเรื่องที่ดีเอสไอต้องสอบสวนเพิ่มเติม เราก็จะรับไปดำเนินการตามคำสั่งของอัยการ แต่ถ้าไม่มีประเด็นเพิ่มเติม อัยการก็จะมีอำนาจในการสั่งคดีไปยังศาล อย่างไรก็ตาม จากการทำสำนวนสอบสวนในตลอดเวลาที่ผ่านมา ดีเอสไอมีความมั่นใจว่าเนื้อหามีความครบถ้วนภายในระยะเวลาที่เรามี ในตอนนี้พนักงานอัยการจะมีเวลาในการพิจารณาเนื้อหาสำนวนของดีเอสไอระยะเวลาหนึ่งฝาก หรือ 12 วัน
โดยที่ผ่านมา กรรมการชาวไทย 3 ราย ที่ถูกดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหาตามกฏหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวนั้น พวกเขาได้มีการส่งคำให้การที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อย สอดคล้องกับคำให้การที่เคยให้ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ได้มีคำให้การที่เป็นประโยชน์ คำให้การส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง แต่ก็เป็นคำให้การที่ขัดแย้งกัน อีกทั้งพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนจึงมีความเห็นสั่งฟ้องทั้งหมด นอกจากนี้ ในส่วนของ 17 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวนั้น ดีเอสไอจะแยกทำสำนวนต่อไป เนื่องจากมีผู้ต้องหาชาวไทย 3 ราย ไปถือหุ้นในบริษัทอื่นในลักษณะคล้ายกัน จึงทำให้ดีเอสไอต้องเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้น จึงคาดว่าจะแยกเป็นอีกหนึ่งคดีพิเศษ เพื่อตรวจสอบ 17 บริษัทเหล่านี้ โดยจะต้องไปตรวจสอบรายละเอียดโครงการที่บริษัทเหล่านี้ได้ประมูลไป
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอได้มีการประสานข้อมูลสัญญา 3 ฉบับ เกี่ยวกับโครงการก่อสร้าง สตง.แห่งใหม่ ไปยัง ป.ป.ช. ว่า ในส่วนที่ดีเอสไอดำเนินการก็มีความไปเกี่ยวข้องในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. จึงคาดว่าจะส่งรายละเอียดให้ภายในสัปดาห์นี้ รวมถึงได้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นคดีที่มีการกล่าวหาองค์กรอิสระและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. โดยดีเอสไอจะต้องนำส่งให้ภายในกรอบเวลา 30 วัน จะมีรายละเอียดเนื้อหาพฤติการณ์ทั้งหมดว่าเราพบข้อเท็จจริงประเด็นใดบ้าง เบื้องต้นเกี่ยวข้องกับกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวพันกันในส่วนของตำแหน่งหน้าที่
อย่างไรก็ดีกรณีที่ดีเอสไอต้องส่งรายละเอียดให้ ป.ป.ช. เนื่องจากมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ อีกทั้งทราบว่า ป.ป.ช. มีการตั้งเรื่องไต่สวนไว้แล้วบางส่วน สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในคดี สตง. ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในราชการในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย
ส่วนจะมีผู้บริหารที่เกษียณไปแล้วหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า ขอไม่ลงลึกในรายละเอียดภายในสำนวน และก่อนหน้านี้เราก็ได้มีการกล่าวหาในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีบทบาทควบคุมงาน จำนวน 6 ราย ส่งไปยัง ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ในเวลานี้ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกัน และตามกฎหมายของ ป.ป.ช. มาตรา 30 ได้กำหนดให้ดีเอสไอต้องส่งสำนวนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐให้ ส่วนกฎหมายจะมอบหมายให้ดีเอสไอทำอย่างไรก็ถือเป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าหากมอบหมายมาให้ทำ เราก็ยินดีทำ หรืออีกกรณีหากจะมอบหมายให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษไปร่วมเป็นคณะอนุฯ ทางเราก็ยินดีให้ความร่วมมือ เพื่อให้ความสนับสนุน
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า การจะตอบว่าในตอนนี้ถือว่ามีผู้บริหารของ สตง. ต้องมาร่วมรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวแล้วหรือไม่นั้น เรียนว่าต้องเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวน 100% สำหรับเอกสารจำนวนมากที่ได้มาจากการตรวจค้นร่วมบูรณาการกับหลายหน่วยงาน ก็ยังคงอยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นต้น มีการแลกเปลี่ยนเอกสารระหว่างหน่วยงานตลอด มีความคืบหน้าอย่างไรก็จะเรียนแจ้งกันให้รับทราบ เพราะยังมีการแลกเปลี่ยนเรื่องเอกสารต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลตรวจคุณภาพวัสดุต่าง ๆ ส่วนกรณีว่าดีเอสไอมีความกดดันหรือไม่ที่ต้องตรวจสอบองค์กรอิสระนั้น ตนเรียนว่าตามกฎหมายแล้ว ระบุกำหนดไว้ว่า ต้องเป็นองค์กรอิสระตรวจสอบซึ่งกันและกัน จึงทำให้สำนักงาน ป.ป.ช. จะเข้ามามีบทบาทตรงนี้
"ดีเอสไอเป็นเพียงผู้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ท้ายสุดแล้วคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้พิจารณา ย้ำว่าเราไม่มีความกดดัน แต่เพียงแค่ว่าประสบปัญหาเรื่องของเอกสารที่ล่าช้า เพราะเอกสารบางส่วนไปอยู่ในตึก ทั้งนี้ ในส่วนของอีก 10 กว่าโครงการอื่น ๆ ที่กิจการร่วมค้า ITD-CREC ประมูลไปได้นั้น ดีเอสไอจะมีการขยายผลตรวจสอบต่อไปเช่นเดียวกัน จะต้องดูรายละเอียดว่าพบความผิดใดบ้างหรือไม่" ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 5 ผู้ต้องหาคดีนอมินีดังกล่าว มี 3 ผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาลก่อนหน้านี้ คือ นายประจวบ ศิริเขตร นายโสภณ มีชัย นายมานัส ศรีอนันท์ ส่วนนายชวนหลิง จาง อยู่ระหว่างการฝากขังผัดที่ 1 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็น 1 ใน 17 ผู้ต้องหาในคดีของตำรวจ สน.บางซื่อ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึก สตง. ถล่ม คดีอาญาที่ 621/2568 ส่วนนายบินลิง วู ยังคงหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าว ยังอยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี







