ปชน.มองศาลสั่ง 'ยิ่งลักษณ์' ชดใช้หมื่นล้าน สร้างบรรทัดฐานใหม่

ปชน.มองศาลสั่ง 'ยิ่งลักษณ์' ชดใช้หมื่นล้าน สร้างบรรทัดฐานใหม่

'ศิริกัญญา' มองศาล ปค.สูงสุดสั่ง 'ยิ่งลักษณ์' ชดใช้จำนำข้าวหมื่นล้าน เป็นบรรทัดฐานใหม่ เส้นแบ่ง 'ประมาทเลินเล่อ' พร่าเลือน หวั่นนักการเมืองไม่กล้าคิดโครงการใหม่ 

เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2568 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ราว 10,028 ล้านบาท ว่า คำวินิจฉัยนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้การบริหารราชการแผ่นดินไทยเหมือนกัน ความผิดที่ศาลใช้คำว่าประมาทเลินเล่อโดยร้ายแรง ตกลงแล้วเราต้องทำแค่ไหนจึงถือว่าไม่ประมาทเลินเล่อ ซึ่งศาลตัดสินให้ว่ามีความผิด โดยที่ระบุว่ามีการตักเตือนหลายรอบแล้ว แต่ในขณะเดียวกัน ฝั่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ไม่ได้อยู่เฉย มีการตั้งกรรมการหรืออนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องไปติดตามอีก แล้วจะไปติดตามอะไร อย่างไร จึงเกิดข้อสงสัยว่าเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน

“ถ้าคุณยิ่งลักษณ์มีเจตนาจริงๆ ที่จะปล่อยปละละเลย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มันก็ค่อนข้างชัดเจน แต่พอบอกว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง สำหรับคนที่ต้องดำเนินนโยบายต่อไปในอนาคต มันก็เริ่มทำให้น่าจะเกิดความกังวลใจ และอาจจะทำให้ไม่กล้าทำโครงการอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาในอนาคตก็ได้ เพราะมีบรรทัดฐานแบบนี้เกิดขึ้น” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แม้จะประมาทเลินเล่อร้ายแรงจริง แต่รูปแบบของการดำเนินนโยบาย จะเป็นในรูปแบบของคณะรัฐมนตรีก็ดี หรือคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก็ดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นแค่ประธาน ทำไมประธานถึงได้มีความผิดแค่คนเดียว แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการนั้นถึงไม่ได้มีความผิดด้วย และถึงแม้เอาความผิดมารวมกันแล้วหารด้วยคณะกรรมการนี้ก็จริง แต่โทษที่จะต้องชดเชยเป็นหมื่นล้าน ได้สัดส่วนแล้วหรือยัง จึงเป็นคำถามอยู่ว่าเฉพาะส่วนที่ประมาทเลินเล่อร้ายแรง มันถึงขั้นเลวร้ายหรือไม่ และต้องได้รับผิดกันกี่คนแน่

เมื่อถามว่าในฐานะคนคิดนโยบายพรรคการเมือง พอเจอบรรทัดฐานแบบนี้ กลัวมากขึ้นหรือไม่ หรือต้องชั่งน้ำหนักตอนพูดหาเสียงหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า อาจจะไม่ใช่เรื่องตอนหาเสียง แต่เป็นเรื่องของตอนที่มีการดำเนินนโยบายหลัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจริงๆ

“โอเค แน่นอนว่าการดำเนินโยบายต่างๆ ของรัฐบาลต้องมีฝั่งที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว การตักเตือน การส่งคำเตือนอะไรต่างๆ ก็มีได้ทั้งฝ่ายค้าน และข้าราชการประจำอยู่แล้ว ซึ่งถ้ารัฐบาลมีเหตุผลมากเพียงพอที่จะเดินหน้าต่อก็เดินหน้าต่อ แต่พอมาถึงกรณีที่คอร์รัปชันเกิดขึ้น แล้วต้องทำแค่ไหนถึงจะเพียงพอ ตั้งคณะกรรมการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเฉยๆ ในอำนาจหน้าที่แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอด้วยหรือไม่ ต้องมาแชร์ความผิดนี้ด้วย ทำให้ทั้งคณะรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ ที่จะต้องเป็นคนคอยดึงขากางเกงกันเองให้ สุดท้ายแล้วไม่สามารถทำนโยบายอะไรได้เลยในอนาคต” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้พรรคประชาชนก็น่าจะมีการมอนิเตอร์บ้าง แต่ตนไม่ได้อยู่ในวงมอนิเตอร์ ซึ่งเราก็ไม่อยากให้บรรทัดฐานใหม่มันเป็นแบบนี้ เรารู้สึกว่าอาจจะทำให้เป็นการขัดขวางกระบวนการทำงานของการบริหารราชการแผ่นดินจริงๆ เราก็ต้องมีแนวปฏิบัติ มีไกด์ไลน์อะไรที่มันรอบคอบมากยิ่งขึ้นในอนาคต เมื่อต้องเป็นผู้บริหาร ในเมื่อศาลสร้างบรรทัดฐานใหม่แบบนี้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์