'สว.เทวฤทธิ์' ยื่นญัตติประธานวุฒิฯ เบรกสรรหาองค์กรอิสระ30พ.ค.

ที่รัฐสภานายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา(สว.) แถลงถึงการยื่นญัตติชะลอการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอัยการสูงสุด และการให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่เตรียมเข้าสู่การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญในวันที่30พ.ค.นี้ จนกว่าจะมีคำตัดสินในคดีฮั้วสว.ว่า เบื้อนต้นได้ยื่นเรื่องผ่านฝ่ายเลขาฯไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วหวังว่า การประชุมในวันที่29-30 พ.ค. นี้ ประธานวุฒิสภา จะบรรจุญัตติดังกล่าวเพื่อให้ที่ประชุมมีมติต่อไป

นายเทวฤทธิ์ ยังกล่าวว่าสิ่งที่เราต้องตระหนักคือผู้ที่ถูกร้อง ณ ปัจจุบันเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ซึ่งเป็นสว.เป็นส่วนใหญ่ จึงต้องให้ความเป็นธรรม แต่สิ่งที่เป็นข้อกังวลคือ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นต้นมา ได้ออกแบบกระบวนการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระ แปลว่าต้องใช้องค์กรอิสระที่ไม่อยู่ฝั่งฝ่ายใด ซึ่งสว.ส่วนใหญ่ที่ตั้งคำถามถึงบทบาทนี้ จึงไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. 
 

นายเทวฤทธิ์ กล่าวอีกว่า แม้สว.จะยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่การเป็นผู้ตัดสินบุคคลที่จะเข้ามาเป็นองค์กรอิสระ ทั้งที่เป็นคู่กรณีกัน จึงคิดว่าเบื้องต้น ควรต้องชะลอการให้ความเห็นชอบบุคคลในองค์กรเหล่านั้นเพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักความเป็นธรรมและอิสระ จึงหวังว่าประธานวุฒิสภา จะบรรจุญัตตินี้เข้าสู่ระเบียบวาระ

"หวังว่า สว. ที่มีประเด็นอยู่ ย่อมจะไม่ใช้อำนาจในช่วงเวลานี้ เพื่อทดสอบความเป็นธรรมในจิตใจของตนเอง"

ส่วนกรณีที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.เตรียมรวมรายชื่อ สว. 20 คน ส่งประธานวุฒิสภาเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นจริงอยู่รัฐธรรมนูญ มาตรา 82 อาจให้บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญในการยับยั้งหรือสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างมีการสอบสวน แต่ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่สมดุลกับระบอบประชาธิปไตย เพราะควรจะเป็นเพียงแค่การวินิจฉัยข้อกฎหมายต่าง ๆ แต่ไม่ควรจะมีบทบาทในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

 "วันนี้ครบรอบ 11 ปีของการรัฐประหาร 2557 ซึ่งเริ่มมีกระแสดังแว่วขึ้นมา ด้วยความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งแดงและน้ำเงิน ทำให้ประชาชนอาจตั้งคำถามกับทางฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะ สว.ว่ามีความชอบธรรมหรือไม่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะใช้ช่องทางอื่น หรือใช้บริการอื่น เช่น การเกิดกระแสคิดถึงลุงตู่ เป็นต้น" 
 

ขณะที่กรณีสว.22คนที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาร้องต่อป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ส่วนตัวมองว่า ผู้ร้ายคนแรกที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพคือ กกต. เพราะใช้เวลานานมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะให้ความชอบธรรมกับการใช้สังคมภายนอกเข้ามากดดันกระบวนการตรวจสอบ 

ซึ่งกรณีที่55สว. ที่ถูกหมายเรียกนั้น ส่วนตัวเห็นว่า มีความไม่เป็นธรรมและไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะร้องเรียน และมีสิทธิ์สงสัยในกระบวนการตรวจสอบที่อาจไม่โปร่งใส

อย่างไรก็ดีญัตติที่ตนเสนอหากประธานวุฒิสภาไม่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ก็จะเสนอเป็นญัตติด่วนด้วยวาจา เพื่อขอให้วุฒิสภาชะลอการดำเนินการดังกล่าว มั่นใจว่า จะไม่กระทบกับกรอบเวลาการให้ความเห็นชอบกรรมการในองค์กรอิสระ  รวมถึงการทำหน้าที่ของกรรมการองค์กรอิสระ เพราะตามกฎหมายยังสามารถให้รักษาการต่อได้