‘ส้ม’ รุกคืบ กิน ‘แดง’ กระชับพื้นที่-ขย่มศรัทธา 'เพื่อไทย' ?

ท่ามกลางสงคราม “ค่ายแดง-เพื่อไทย” ปะทะ “ค่ายน้ำเงิน-ภูมิใจไทย” ต่อประเด็น “สภาสูง” ที่มี 138 สว.สายสีน้ำเงิน ติดบ่วง “คดี ฮั้ว สว.”

ที่ลามไปถึงประเด็นยื่น “ยุบพรรคภูมิใจไทย” ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นตัวบงการ “ใบสั่งเลือก-โพยฮั้ว” ที่การตรวจสอบผ่าน “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” (ดีเอสไอ) พบเส้นทางการเงินโยง “บิ๊กสีน้ำเงิน” ที่มีตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค

ในสถานการณ์ตะลุมบอนของ “นิติสงคราม” ครั้งนี้ มีความเคลื่อนไหวอีกด้าน ของ “พรรคประชาชน” ที่เดินเครื่องสร้างพันธมิตรกับ “ประชาชนสายแดง” เพื่อหวังสะสมเป็น “ความนิยม-คะแนน” ในการเลือกตั้งรอบหน้า

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทนายแจม “ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์” สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน คนที่หนึ่ง แถลงเปิดตัว “คณะทำงานการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม”

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ การจับมือระหว่าง “ค่ายส้ม” กับ “ค่ายมวลชนเสื้อแดง-นปช.” ที่จะรื้อคดีการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ “พรรคเพื่อไทย” เพิกเฉย

“ทนายแจม” เล่าถึงที่มาว่า คณะทำงานการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทำงานมาตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยพิจารณากรณีที่กลุ่มเยาวชนนักศึกษาถูกละเมิดสิทธิ์ และกรณีเหตุการณ์ตากใบ ที่ช่วงนั้นมีประเด็นการขาดอายุความ 

นอกจากนี้ กรณีคดีคนเสื้อแดงที่ถูกละเมิดสิทธิ์เพราะรัฐเข้าไปสลายการชุมนุม ได้คุยกับ “ธิดา ถาวรเศรษฐ” อดีตประธานนปช. ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการกรรมการคณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 และทราบว่า อายุความของคดีจะหมดอายุความในอีก 5 ปี จึงตั้งให้เป็นคณะทำงาน

“เหตุการณ์ที่มีการละเมิดสิทธิประชาชนอย่างร้ายแรง ได้หารือกับหลายภาคส่วน และมีความเห็นตรงกันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งเหตุการณ์ของพี่น้องเสื้อแดง หรือเหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ที่เพิ่งหมดอายุความไป มีความคล้ายคลึงกัน คือ การสลายการชุมนุมโดยรัฐ ทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทุกภาคส่วนมีความคิดเห็นตรงกันว่า ต้องใช้รัฐสภาเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา เพื่อยับยั้ง หรือยุติเหตุที่ทำให้คนผิดลอยนวลให้หมดไปจากสังคมไทย” ทนายแจม ระบุ

สำหรับการดำเนินต่อจากนี้ “ศศินันท์” บอกว่า จะทวงคืนความยุติธรรมให้ “คนเสื้อแดง” หลังจากที่ก่อนหน้านี้ “เพื่อไทย” ปฏิเสธความใส่ใจ

หากจำได้ ก่อนหน้านี้ “ก่อแก้ว พิกุลทอง” สส.เพื่อไทย ในฐานะแกนนำคนเสื้อแดง เคยใช้กลไกของรัฐสภา ผลักดันผ่านพรรคเพื่อไทย เสนอร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่…) พ.ศ… เมื่อสมัยประชุมสภาฯ ที่ผ่านมา แต่ด้วยแทคติกทางกฎหมาย ทำให้ร่าง พ.ร.ป.ป.ป.ช.ฉบับนั้น ต้องโยกไปพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา แต่รอวันแล้ววันเล่า “รัฐสภา” ที่มี “พรรคเพื่อไทย”คุมเสียงข้างมาก กลับยั้งการพิจารณาไว้

โดยเมื่อต้นเดือน ก.พ.2567 รัฐบาลเพื่อไทยตรวจพบเนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์ จึงสั่งให้ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” มือกฎหมายพรรคเพื่อไทย ขอถอนเนื้อหาออกจากวาระประชุมรัฐสภา และจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีทีท่าว่าจะเสนอคืนให้รัฐสภาได้พิจารณา

ต่อกรณีนี้ทำให้ “มวลชนคนเสื้อแดง” ที่รอการได้คืน “ความยุติธรรม” กล่าวหา “พรรคเพื่อไทย-ทักษิณ ชินวัตร-แพทองธาร ชินวัตร” ว่า “ไร้น้ำใจ” 

โดยส่วนใหญ่ที่เคยศรัทธาพรรคเพื่อไทยได้ปันใจไปยัง “กลุ่มส้ม” เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มวลชนแดงกลุ่มใหญ่ "เจ็บแค้น” พรรคเพื่อไทยที่ละทิ้งอุดมการณ์ ไปผสมขั้วกับ “ก๊วนตัวแทนกลุ่มรัฐประหาร” มาแล้ว

สัญญาณของ “แดงผสมส้ม” นี้ เป็นที่รับรู้ได้ของแกนนำเสื้อแดง ที่ทำงานอยู่กับ “เพื่อไทย” ที่ในอนาคตอาจถูก “มวลชนแดง” สั่งสอนในสนามเลือกตั้งปี 2570 จึงออกแรงฮึดอีกครั้ง เพื่อให้ “รัฐสภา” สมัยหน้าเริ่มต้นพิจารณา ร่างพ.ร.ป.ป.ป.ช.เสียที

โดย “ก่อแก้ว” ระบุในวันครบรอบ 15 ปี เหตุการณ์สลายชุมนุมปี 53 ว่า “จุดยืนของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย มีภารกิจร่วมกันเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับญาติผู้สูญเสีย เพื่อให้นำตัวผู้สั่งการในเหตุการณ์ครั้งนั้น มาพิสูจน์ความจริงในกระบวนการยุติธรรมให้จงได้ ซึ่งต้องเริ่มจากการแก้ไข พ.ร.ป.ป.ป.ช. ที่ในสมัยประชุมหน้าเดือน ก.ค.เพื่อทวงคืนความยุติธรรมคนเสื้อแดง”

ทว่า การผลักดันของ “สส.สีแดง” นี้ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะเนื้อหาของกฎหมายที่เสนอนั้น มีส่วนสำคัญที่ดึง “กองทัพ” วก-วน สู่ความขัดแย้งเก่าในรอบใหม่ 

รวมถึงอาจเป็นการเปิดศึกรอบใหม่ให้ “รัฐบาล” เพราะคนที่เคยเป็น “ศัตรูเสื้อแดง” ยุค 2553 ปัจจุบันล้วนเป็นแกนนำพรรคการเมืองที่อยู่ร่วมรัฐบาลเพื่อไทยในเวลานี้ทั้งสิ้น

ดังนั้น แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ต้องประคองสถานการณ์การเมืองให้ “แพทองธาร ชินวัตร” อยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง อาจใช้มุกเดิม เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเอง

ดังนั้นปฏิบัติการที่ “พรรคประชาชน” ขยับจับมือ “อดีตแกนนำเสื้อแดง” เพื่อทวงความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง จึงเป็นสัญญาณส้มรุกคืบกินแดง กระชับพื้นที่ “พรรคเพื่อไทย” 

การเมินเฉยคดีสลายชุมนุม 2553 ที่กำลังจะหมดอายุความ อาจส่งผลต่อสนามเลือกตั้งปี 2570 ที่เพื่อไทยอาจพลาด “อันดับหนึ่ง” พ่ายยับให้กับ พรรคส้ม อีกครา ก็เป็นไปได้.