ผ่าขุมทรัพย์ 77.5 ล้านบาท! สมบัติ ‘อลงกต วรกี’ สว.ตัวตึง

ผ่าขุมทรัพย์ 77.5 ล้านบาท! สมบัติ ‘อลงกต วรกี’ สว.ตัวตึง

ผ่าขุมสมบัติ 77.5 ล้านบาท! ‘อลงกต วรกี’ สว.ตัวตึงประจำวุฒิสภา หลังเข้ารับทราบข้อหา ‘คดีฮั้ว สว.’ จ้อภาษาฝรั่งเศส-จีน ใส่นักข่าว

เป็นอีกหนึ่ง “สว.ตัวตึง” ประจำวุฒิสภาชุดปัจจุบัน สำหรับ “อลงกต วรกี” ที่เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “คดีฮั้ว สว.” กับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา จ้อภาษา “ฝรั่งเศส-จีน” กับผู้สื่อข่าว โดยยืนยันว่าไม่ขอพูดเรื่องที่ชี้แจง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่สามารถพูดได้ 
    
ต่อมา 20 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเจอตัว “สว.อลงกต” ที่รัฐสภา และสอบถามภายหลังเข้าไปชี้แจงกับ กกต.แต่ สว.รายนี้ก็ยังพูดภาษาจีนกับนักข่าวอีกครั้ง และไม่ยอมพูดภาษาไทย ก่อนจะเดินจากไป

นี่ยังไม่นับสารพัดวีรกรรม “สว.ตัวตึง” ภายหลังได้รับการเลือกเป็น สว.เมื่อปี 2567 หลายกรณี เช่น กรณีการเช็ดน้ำตา ในการอภิปรายเรื่องแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในสภาฯ เป็นต้น

มาดูในมุมทรัพย์สินกันบ้าง? “อลงกต วรกี” แจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง สว.เมื่อ 23 ก.ค. 2567 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 77,506,145 บาท ได้แก่ เงินฝาก 9 บัญชี รวมมูลค่า 35,890,153 บาท เงินลงทุน 6,712,830 บาท 

มีที่ดิน 3 แปลง ในจังหวัดกรุงเทพฯ นนทบุรี และนครปฐม รวมมูลค่า 20,673,562 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้าน 1 หลัง ห้องชุด 1 หน่วย ใน กทม.รวมมูลค่า 3,144,600 บาท ยานพาหนะ เป็นรถยนต์ 1 คัน 555,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) ได้แก่ งาช้าง ทองคำแท่ง สร้อยทองคำ รวมมูลค่า 10,035,000 บาท ไม่มีหนี้สิน

นายอลงกต แจ้งมีรายได้ต่อปีโดยประมาณ 1,713,059 บาท แบ่งเป็น เงินเดือนและเงินบำนาญ 1,296,840 บาท เงินปันผล 416,219 บาท แจ้งมีรายจ่าย 735,817 บาท แบ่งเป็น ค่าบำรุงอาคารชุด 15,817 บาท ค่าอุปโภคบริโภค 360,000 บาท ค่าอุปการะบิดามารดา 360,000 บาท

ตำแหน่งของเขาก่อนหน้านี้ ในปี 2560-2562 เป็นปลัดจังหวัดขอนแก่น ปี 2562-2566 เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ปี 2566-2567 เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
    
ในมุมธุรกิจ เขาเคยเป็นกรรมการบริษัท พีเอชดี รีเสิร์ท แอนด์ คอนซัลแท้นท์ จำกัด ประกอบกิจการบริการให้คำแนะนำและปรึกษาทางด้านธุรกิจ การจัดตั้งระบบงานคอมพิวเตอร์ จดทะเบียนเมื่อ 2 ก.ค. 2534 แต่เลิกกิจการ และเสร็จชำระบัญชีไปแล้วเมื่อ 19 ต.ค. 2543