ประชันหลักสูตร '2 พรรค' ค่าย พท.-ปชน.ปั้นนักการเมืองเจนใหม่

ค่ายพรรคเพื่อไทยเปิดหลักสูตรอบรมคนการเมืองรุ่นใหม่ ถูกมองหวังดึงคะแนนคนรุ่นใหม่ในห้วงที่รัฐบาลผ่านมาครึ่งเทอม ขณะที่ ปชน.ก็ติวเข้มผู้สมัคร สส.ใหม่เช่นกัน
KEY
POINTS
- พรรคเพื่อไทย โดย "แพทองธาร ชินวัตร" คิกออฟหลักสูตรดึงคนรุ่นใหม่ทำงานกับพรรค ตั้งเป้าชิงแต้มคนรุ่นใหม่ หลังพรรคถอดบทเรียนพ่ายแพ้คะแนนกระแสให้กับค่ายส้มเมื่อปี 2566
- “พรรคประชาชน”เปิดโครงการปั้นนักการเมืองรุ่นใหม่ หลักสูตร“นักการเมืองประชาชน” (PC101) ติวอุดมการณ์เลือดสีส้มให้ผู้สมัคร สส. หลังเกิดปรากฏการณ์ สส.งูเห่า จ.ชลบุรี
- หลักสูตร YPP ติวเข้มสายเลือดใหม่ “พรรคเพื่อไทย” เป็นอีกขาของพรรคในการช่วงชิงเรตติ้งจากนิวโหวตเตอร์ก่อนถึงเลือกตั้งใหญ่ปี 70
ผ่านมาครึ่งทางครึ่งเทอมแล้ว สำหรับอายุของสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 หลังมีการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566
ขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก็เดินมาถึงปีที่ 2 ในเหลือห้วงเวลาอีก 2 ปี คือ ช่วงแห่งการนับถอยหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2570
ล่าสุด “พรรคเพื่อไทย” นำโดย “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี เพิ่งคิกออฟเปิดโครงการใหม่ของ PTP Academyเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2568 ภายใต้ชื่อ โครงการ Young Professionals Program (YPP) เพื่อ “นำเสนอฝัน ที่ทำให้เป็นจริงได้” ด้วยการดึงคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำงานการเมือง มีคุณสมบัติอายุ 21-40 ปี ไม่จำกัดอาชีพ การศึกษาหรือพื้นฐาน ที่สนใจอยากแก้ปัญหาของประเทศ พร้อมทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย
สำหรับรายละเอียดโครงการ ที่ “หัวหน้าอิ๊งค์” นำแถลงเปิดฟลอร์ด้วยตัวเอง กำหนดให้ผู้สนใจสมัครได้ตั้งแต่ 13 พ.ค. - 7 มิ.ย. 2568 ประกาศผล 15 มิ.ย. 2568 โดยจะมีกิจกรรมเวิร์กชอปทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 21 มิ.ย. - 13 ก.ค.2568 ผ่าน PTPacademy
“แพทองธาร” ย้ำถึงโครงการนี้ว่า แม้คนรุ่นใหม่จะยังไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ก็สามารถเป็นกำลังสำคัญของประเทศได้ พลังของความคิดใหม่ ๆ ความกล้าคิด กล้าทำ และความเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คือสิ่งที่เราต้องเปิดพื้นที่ให้มากขึ้น เราอยากให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาร่วมมีบทบาท ผ่านหลักการที่ชัดเจน มีเหตุผล และยังคงมีพื้นที่ให้เขาได้แสดงออกอย่างอิสระ เพราะความคิดใหม่ ๆ เหล่านี้คือ พลังสดใหม่ที่เราควรสนับสนุน
ตัดภาพมาที่คู่แข่งของเพื่อไทยอย่างค่ายสีส้ม “พรรคประชาชน” ก็มีโครงการปั้นนักการเมืองรุ่นใหม่เช่นกัน โดยประกาศรับสมัครหลักสูตร “นักการเมืองประชาชน” (PC101) ก้าวแรกในการทำความรู้จัก และเป็นนักการเมืองของพรรคประชาชน เป็นหลักสูตรติวเข้ม เรื่องอุดมการณ์การเมืองพรรคสีส้มพันธุ์แท้
หัวหน้าเท้ง “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ในฐานะผู้นำพรรค แนะนำหลักสูตร PC101 นักการเมืองของประชาชน ในจังหวะบังเอิญที่เกิดปัญหา สส.งูเห่า ภาค 3 เมื่อ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 แถลงยุติบทบาทกับพรรค และขอให้ขับตัวเองออกจากพรรค เพื่อย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม
อย่างไรก็ตาม พรรคสีส้มยังยืนหยัด"อุดมการณ์เดินหน้าเปลี่ยนประเทศไทย" โดยวางสเปกนักการเมืองรุ่นใหม่ของพรรค ผ่าน “หลักสูตรนักการเมืองประชาชน” สำหรับการเลือกตั้งปี 2570
คุณสมบัติผู้สมัครเข้าอบรมหลักสูตรนักการเมืองพันธุ์ส้ม หรือผู้แสดงความประสงค์จะเป็น สส.เขต หรือสส.บัญชีรายชื่อ ต้องมีเป้าหมายร่วมกัน ร่วมสร้างประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ผลักดันระบบเศรษฐกิจที่ก้าวหน้า เท่าเทียม เป็นธรรม สร้างสังคมที่ประชาชนมีเสรีภาพ ความเท่าเทียม และคุณภาพชีวิตที่ดี
โดยเปิดสมัครตั้งแต่วันนี้ - 13 มิ.ย. 2568 ผ่าน jotform ส่วนระยะเวลาหลักสูตรจัดในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ ระยะเวลาอบรม 3 วัน 2 คืน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเกิดขึ้นของหลักสูตรปั้นคนการเมืองรุ่นใหม่ นอกจากเป้าหมายหลักในการปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคในคนรุ่นใหม่ การสร้างฐานสมาชิกพรรค และในอีกทางหนึ่ง ก็ต้องการดึงนิวโหวตเตอร์ที่กำลังจะได้ใช้สิทธิเลือกตั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในอีก 2 ปีข้างหน้า
ความสำเร็จของพรรคสีส้ม ที่ขยับจำนวน สส.เพิ่มขึ้นทุกครั้ง มีจุดแข็งจากกระแสพรรค และความนิยมในผู้นำทางจิตวิญญาณ ผู้นำหน้าม่าน หลังม่าน และแกนนำพรรค ที่สำคัญคืออุดมการณ์พรรค
ขณะเดียวกัน ก็มีจุดอ่อนเรื่องตัวบุคคล โดยเฉพาะผู้สมัคร ที่ปรากฎเป็นข่าวเชิงลบ ส่งผลกระทบต่อพรรคอยู่บ้าง ดังนั้นจึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่พรรคส้มพยายามแก้ปัญหา ทั้งต้นทาง ตั้งแต่การเปิดหลักสูตรเพื่อเฟ้นหานักการเมืองที่มีคุณภาพ กลางทาง และปลายทาง ในการสกัดปัญหา สส.งูเห่า ซึ่งปัญหาก็ลดลงตามลำดับ
สำหรับ “พรรคเพื่อไทย” หากถอดบทเรียนจากการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค. 2566 ก็พบว่า การพ่ายแพ้เลือกตั้งสส.เขต และคะแนนกระแสใน สส.บัญชีรายชื่อ จนพลาดตำแหน่งพรรคการเมืองอันดับ 1 เป็นครั้งแรก นับแต่ปี 2544 ที่พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาถึงพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
ทั้งที่ ค่ายสีแดง มีจุดแข็งที่เป็นทั้งพรรคกระแส และเป็นทั้งพรรคที่มี สส.บ้านใหญ่ในพื้นที่
วัดได้จากการเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน พรรคก้าวไกลได้คะแนนกระแสจากบัญชีรายชื่อ 14,438,851 หรือร้อยละ 38.48 ได้ สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 จำนวน 39 คน สส.เขต 112 คน
พรรคเพื่อไทย ได้คะแนน สส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 2 จำนวน 10,962,522 หรือร้อยละ 29.22 ได้ สส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 29 คน ได้ สส.เขต 112 คน
ทีม PTP Academy นั้นมีบุคลากรที่ประกอบด้วยทีมหลังบ้าน พรรคเพื่อไทยมาจากนักวิชาการคนรุ่นใหม่ ภาพลักษณ์นักเรียนนอก ความคิดทันสมัย ว่ากันว่า เป็นทีมปลุกปั้นจากแรงผลักดันของนักวิชาการ และนางแบกคู่จิ้น ที่มักลงพื้นที่กับพรรคเพื่อไทยอยู่บ่อยครั้ง
การเกิดขึ้นของ PTP Academy เพื่อมาช่วยพัฒนาศักยภาพบุคลาการ สส.ให้กับพรรคเพื่อไทย และเชื่อมโยงกับหน่วยงานภายนอกของพรรค ซึ่งมี “แพทองธาร” คอยกำกับ มี “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย รับผิดชอบ
ครั้งหนึ่ง “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยมาร่วมให้ถอดประสบการณ์ให้กับ สส.คนรุ่นใหม่ในหลักสูตรของ PTP Academy
ทีม PTP Academy ยังถูกวางให้เป็นห้องเครื่องป้อนข้อมูลเชิงวิชาการและซัพพอร์ตการอภิปรายในสภาฯ ให้กับบรรดา สส.ของพรรคเพื่อไทยในช่วงที่ผ่านมา
แน่นอนว่าหากได้คนรุ่นใหม่ที่หน่วยก้านดี ผ่านโครงการ YPP ก็มีสิทธิที่ พรรคเพื่อไทยอาจจะส่งลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ หรือไม่ก็วางตัวเป็นมือทำงานทีม “นักรบห้องแอร์” หลังฉากเหมือนเช่นนักคิด ทีมงานพรรคเพื่อไทยหลายคนกำลังขับเคลื่อนให้กับ “เพื่อไทย” อยู่เวลานี้
สิ่งที่น่าขบคิดต่อไป หลักสูตร YPP ติวเข้มสายเลือดใหม่ “พรรคเพื่อไทย” จะยังต่อยอดไปถึงการโหมกระแสพลิกฟื้นเรตติ้งที่ตกลงของพรรคเพื่อไทยจากการเลือกตั้งครั้งก่อนให้กลับคืนมาได้หรือไม่ ภายใต้กรอบเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากในอีก 2 ปี
และมีแนวโน้มสูงที่ “แพทองธาร” จะใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ด้วยการยุบสภาฯ มากกว่าอยู่ครบวาระ 4 ปี ภายใต้บริบทเสถียรภาพของรัฐบาลผสมที่เกิดการต่อรอง เป็นเกมกดดัน แรงบีบภายในพรรคร่วมรัฐบาล นับรอวันแตกหักได้อยู่ตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่เหลืออีก 2 ปี หาก “หัวหน้าอิ๊งค์” ยังไม่สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดึงนิวโหวตเตอร์ให้มาอยู่กับพรรคเพื่อไทยได้มากที่สุด หรือหากชกไม่ตรงเป้า ยังย่ำอยู่กับที่ ไม่ช่วงชิงจังหวะที่พรรคคู่แข่งกำลังเผชิญกระแสยี้ เพลี่ยงพล้ำจากข้อกล่าวหาฮั้ว สว. หรือแม้กระทั่งพรรคสีส้ม ที่กำลังมีข้อครหาเป็นแหล่งเพาะฟาร์ม สส.งูเห่า
พรรคการเมืองที่จะครองความนิยมในเรื่องของกระแสมากที่สุดของประเทศ ก็อาจยังไม่ใช่ “พรรคเพื่อไทย” ในปี 2570 เพราะปัจจัยสำคัญในการกลับมาชนะศึกเลือกตั้งใหญ่ได้ ไม่ใช่คะแนนจัดตั้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งบริบทชนะใจคนส่วนใหญ่ ทั้งคะแนนพรรคจากปาร์ตี้ลิสต์ รวมทั้งกวาด สส.เขตให้เป็นกอบเป็นกำ







