‘รัฐพันลึก’ ผู้กำกับ ซีรีส์ซ่อนเงื่อน'แดง-น้ำเงิน-ส้ม'

นาทีนี้ การเมืองไทยกระเพื่อมทุกองคาพยพ ความขัดแย้ง “แดง-น้ำเงิน” ทั้งคดีชั้น 14 ทั้งคดีฮั้ว สว. มีการเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันเสี่ยงพังทั้งกระดาน
KEY
POINTS
- การเมืองไทยทั้ง “โครงสร้าง” ก็ยังเป็นซีรีส์เรื่องเก่า “มหากาพย์พันลึก แดง-น้ำเงิน-ส้ม” อันเนื่องมาจากผลการเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค.2566
- นาทีนี้ การเมืองไทยกระเพื่อมทุกองคาพยพ ความขัดแย้ง “แดง-น้ำเงิน” ทั้งคดีชั้น 14 ทั้งคดีฮั้ว สว. มีการเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันเสี่ยงพังทั้งกระดาน
- นับจากวันนี้ไป ต้องจับตาดูผู้กำกับการแสดง จะคุมเกมแดง-น้ำเงินให้จบแบบไหน หรือหากเกมโอเวอร์ แล้วจะต้องหันไปพึ่ง “อำนาจพิเศษ”แทน“รัฐบาลพิเศษ”หรือไม่
สถานการณ์การเมืองในวันนี้ ไม่ต่างจากสังเวียนไก่ชน อื้ออึงด้วยเสียงกองเชียร์ ทั้งเรื่องชั้น 14 ฮั้ว สว. งูเห่าสีส้ม ฯลฯ
ถอยออกมาจากสังเวียนไก่ชน แล้วมองการเมืองไทยทั้ง “โครงสร้าง” ก็ยังเป็นซีรีส์เรื่องเก่า “มหากาพย์พันลึก แดง-น้ำเงิน-ส้ม” อันเนื่องมาจากผลการเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค.2566
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประชาชนที่หวังจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ได้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง มากถึงร้อยละ 75.71 ทำลายสถิติเดิมในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ร้อยละ 75.03
ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ชูสโลแกนในการหาเสียงว่า “มีลุง ไม่มีเรา” ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนน 14,438,851 เสียง ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย" ด้วยคะแนน 10,962,522 เสียง
ทุกอย่างผิดแผนจากที่คาดการณ์ไว้ว่า พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล จึงเปิดทางให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลพลิกขั้วแบบประนีประนอม
ที่สำคัญ ชัยชนะของ “อุดมการณ์สีส้ม” สร้างความหวาดวิตกให้กลุ่มอนุรักษนิยม หรือองคาพยพของ “รัฐพันลึก”(Deep State) หากปล่อยพรรคการเมืองแนวสีส้มขยายตัวเติบใหญ่ ย่อมส่งผลสะเทือนกับโครงสร้างอำนาจทั้งหมด
จริงๆ แล้ว พรรคก้าวไกลลงแข่งขันทางการเมือง และรับรู้กติกามาตั้งแต่ต้น ไม่มีกติกาข้อไหนที่เขียนว่า พรรคอันดับหนึ่งจะได้เป็นรัฐบาล
เหนืออื่นใด สว.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ยังสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้
ดังนั้น จึงมียุทธการ 22 ส.ค.2566 จัดตั้ง “รัฐบาลพิเศษ” หรือรัฐบาลข้ามขั้ว ที่มี “แดง-น้ำเงิน” เป็นแกนหลัก ผสมด้วย “พรรค 2 ลุง”
เป็นที่รู้กันวงในว่า ภารกิจรัฐบาลพิเศษคือ สกัดการเติบโตของอุดมการณ์สีส้ม หรือปัจจุบันคือ พรรคประชาชน ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ปี 2570
สำหรับการยุบพรรคก้าวไกลที่เพิ่งชนะเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในปี 2566 และตามด้วยการมีมติให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี(เศรษฐา ทวีสิน) ของพรรคเพื่อไทย โดยศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับบทบาทของรัฐพันลึกอีกครั้ง
ในมิติทางวิชาการ “รัฐพันลึก” (Deep State) เป็นแนวคิดที่ Eugénie Mérieau นักรัฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศส นำมาใช้อธิบายการเมืองการเมืองไทย ในช่วงหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ในชื่อบทความว่า “Thailand’s Deep State, Royal Power and the Constitutional Court (1997–2015)”
บริบทของงานชิ้นนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองในยุคการเมืองสีเสื้อ ในทศวรรษ 2550 เมื่อฝ่ายตุลาการของไทยกลายมาเป็นตัวแสดงสำคัญที่กำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองหลายครั้ง
การยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย รวมถึงการถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2551
หลังรัฐประหาร 2557 มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีอ้างถึงการวางกลไกป้องกัน ตรวจสอบ ขจัดทุจริต และประพฤติมิชอบที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้ผู้บริหารที่ปราศจากคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลเข้ามาปกครองบ้านเมือง
จึงเป็นที่มาของผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ 2560 ว่า นี่คือรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยมกลับเห็นว่า เป็นการขยายขอบเขตอำนาจ “รัฐราชการ-อำมาตย์ใหม่” ในนามรัฐพันลึก เวอร์ชั่นใหม่
ในฐานะผู้กำกับการแสดง ก็ใช่ว่า “ดีลรัฐบาลพิเศษ” จะราบรื่นไร้รอยต่อ เนื่องจากเพื่อไทย ก็มีวาระที่ต้องสร้างผลงาน สร้างฐานเสียงให้เป็นอันดับหนึ่งสมัยหน้า
ลึกๆ เพื่อไทยก็ไม่อยากให้ใครตราหน้าว่า “อนุรักษนิยมใหม่” จึงเสนอแก้รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. แต่ก็ถูก สว.สีน้ำเงินขวาง จนขยับไปต่อยาก
ขณะเดียวกัน ภูมิใจไทยก็มีเป้าหมายที่ดำรงสถานะพรรคอันดับสอง บวกเสียง สว.ในสภาสูง เพื่อคุมองค์กรอิสระ จึงเกิดการชิงความได้เปรียบตลอดสองรายทาง
นาทีนี้ การเมืองไทยกระเพื่อมทุกองคาพยพ ความขัดแย้ง “แดง-น้ำเงิน” ทั้งคดีชั้น 14 ทั้งคดีฮั้ว สว. มีการเผชิญหน้าตาต่อตา ฟันต่อฟันเสี่ยงพังทั้งกระดาน
นักวิชาการบางสำนัก ส่องกล้องมองการเมืองทั้งกระดานว่า คดีฮั้ว สว.นั้น ฝ่ายสีแดงพยายามโต้กลับ เพื่อปรับสมดุลทางการเมือง หลังฝ่ายสีน้ำเงินแสดงความอหังการ์ ไม่สยบยอม ส.ท.ร. สุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงได้ หากทั้งสองฝ่ายยอมถอยกันคนละก้าว
อีกมุมหนึ่ง มีการวิเคราะห์อนาคตอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร หลังแพทยสภามีมติฟันแพทย์ 3 ราย กรณีชั้น 14 นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เหมือนผู้มีอำนาจส่งสัญญาณเตือนเพื่อไทย ต้องเร่งพิสูจน์ฝีมือ กู้วิกฤตเศรษฐกิจ
เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ส.ท.ร.ทำตัวเหมือนอยู่ในสภาวะปกติของการเมือง เหมือนไม่มีดีลเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลเพื่อไทยผสมพันธุ์กับฝั่งอนุรักษนิยม เมื่อ 22 ส.ค.2566 มีปัจจัยแตกต่างจากรัฐบาลไทยรักไทย และรัฐบาลเพื่อไทยยุคยิ่งลักษณ์
นับจากวันนี้ไป ต้องจับตาดูผู้กำกับการแสดง จะคุมเกมแดง-น้ำเงินให้จบแบบไหน หรือหากเกมโอเวอร์ แล้วจะต้องหันไปพึ่ง “อำนาจพิเศษ”แทน“รัฐบาลพิเศษ”หรือไม่
ซีรีส์วิถีการเมืองแบบรัฐพันลึก ยังซ่อนเงื่อนซ่อนปม และมีเรื่องราวชวนระทึกขวัญ ให้คนไทยได้ติดตามอีกนานทีเดียว







