ถอย-ไม่ถอย ‘ตาเมือนธม’ ‘สัญญาลูกผู้ชาย’ ไม่มีจริง

ข้อตกลงการ ประชุม จีบีซี ไทย-กัมพูชา ถอยร่น ลดกำลังทหารสองฝ่าย ที่คุุกรุ่นบริเวณ 3 จุด ตาเหมือนธม -ช่องอานม้า-ช่องบก ลดการเผชิญหน้า เพราะเสียงกระสุนเพียงนัดเดียว อาจจุดไฟตลอดแนวชายแดน
KEY
POINTS
- แม่ทัพภาคที่2 ยืนยันไร้ข้อขัดแย้งใดๆกับ ภูมิธรรม ต่อกรณีแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา แต่พร้อมปกป้องอธิปไตยในพื้นที่
- ข้อตกลงการประชุมจีบีซี ไทย-กัมพูชา ให้กำลังทหาร 2 ฝ่าย กลับไปยังจุดเดิมที่เคยอยู่ กำลังที่เสริมเข้ามา ให้ลดลงเหลือเท่าที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้
- ปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ ทหารกัมพูชายังตรึงกำลังประชิดชายแดนไทยทั้ง 3 จุด ไม่มีการปรับลดกำลัง และยังไม่ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เสริมเข้ามาก่อนหน้านี้ออกจากพื้นที่แต่อย่างใด
15 วันผ่านไป หลังการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา" หรือ "จีบีซี" ที่ กทม. โดยทั้งสองฝ่าย “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม พล.อ.“เตีย เซ็ยฮา” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กัมพูชา ยก คณะ “ผบ.เหล่าทัพ” มาจับเข่าถกปัญหาชายแดน
ผลลัพธ์ที่ตามมา สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้คนไทยไม่น้อย เพราะคำพูด“ภูมิธรรม”ที่ไม่เคลียร์ หลังหลุดคำว่า “ถอย” จนถูกนำไปปั่นในโซเชียลออนไลน์ ว่ารัฐบาลไทยสั่งทหารถอยออกจากปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ สุ่มเสี่ยงจะเสียดินแดน เหมือนกรณีเขาพระวิหาร
ทำให้เกิดการรวมตัว ในกลุ่มจังหวัดอีสานใต้ ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ เพื่อให้กำลังใจ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และทหารที่ยังดูแลปราสาทตาเมือนธม
รวมถึงอดีตทหารพรานจำนวนหนึ่ง ที่เคยสู้รบกับกัมพูชา เมื่อปี 2454 ก็ได้เข้าพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อแสดงจุดยืนปกป้องปราสาทตาเมือนธม ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อ และไม่ยอมสูญเสียแม้แต่ตารางนิ้วเดียวพร้อมกับยก “มทภ.2” เป็นฮีโร่ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง “ภูมิธรรม” และยังคงยึดมั่นปกป้องอธิปไตยปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ของไทย
ร้อนถึง “มทภ.2” ต้องรีบออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยย้ำว่า ตั้งแต่มีการประชุมจีบีซี ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีการตรึงกำลังทหารปกติ แต่บางจุดเป็นพื้นที่ล่อแหลม ไม่ชัดเจนในการปักปันเขตแดน ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงให้ถอยกำลังออกมาก่อน กลับไปอยู่ที่ตั้งปกติ เพื่อลดความตึงเครียด ซึ่งก็ได้ปฏิบัติตามอยู่แล้ว เพื่อลดการปะทะ และการไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน
"ผมกับท่านภูมิธรรม ไม่มีความขัดแย้งแต่อย่างใด มีการพบปะพูดคุยกันอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดเจอกันที่ จ.นครพนม ไม่มีอะไรมาก ผมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งท่านก็แสดงเป็นห่วงทหารตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาเช่นเดียวกัน” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว และว่า
อยากฝากถึงคนไทยที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดีย ให้แสดงความคิดเห็นเรื่องความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดนด้วย เข้าใจอารมณ์รักชาติของคนไทย ยืนยันว่า ทหารไทยพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้การหารือ “ภูมิธรรม-เตีย เซ็ยฮา” เมื่อ 1 พ.ค. เป้าหมายคือ หวังลดการเผชิญหน้าของกำลังทั้งสองฝ่าย ที่คุุกรุ่นบริเวณ 3 จุด เพราะเกรงว่า หากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน เสียงปืนเพียงนัดเดียว ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด จะส่งผลให้ชายแดนไทย-กัมพูชา ลุกเป็นไฟ
จุดแรก จ.สุรินทร์ ปราสาทตาเมือนธม ทหารฝ่ายไทยดูแลพื้นที่ ส่วนทหารกัมพูชาอยู่ด้านล่าง แต่มีการขยับกำลังเข้ามาใกล้มากขึ้น และไม่กลับไปอยู่ในจุดเดิม หลังฝ่ายไทยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาบนปราสาทตาเมือนธมได้
จ.อุบลราชธานี บริเวณ “ช่องบก” หลังศาลาตรีมุข สัญลักษณ์มิตรภาพ 3 ประเทศ ถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง ซึ่งในพื้นที่รู้กันดีว่าไม่ได้เกิดจากไฟป่า แต่เป็นการลอบเผา และทหารกัมพูชามีการเสริมกำลังเข้ามาประชิด ส่วนทหารไทยได้เสริมกำลังตาม
อีกพื้นที่ “ช่องอานม้า” จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชาได้ทำผิดข้อตกลง สร้างถนนในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ฝ่ายไทยจึงทำหนังสือประท้วง แต่ไม่เป็นผล ส่งผลให้ทหารไทยต้องเข้าพื้นที่และสร้างถนนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจะเสียเปรียบเรื่องการส่งกำลังเข้าพื้นที่
โดยผลการพูดคุย มีข้อตกลงกันว่า ให้กำลังทหาร 2 ฝ่าย กลับไปยังจุดเดิมที่เคยอยู่ กำลังที่เสริมเข้ามา ให้ลดลงเหลือเท่าที่เคยมีอยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ สร้างเขตแดนสันติภาพและสันติสุข ให้ยึด MOU43 พื้นที่ไหนไม่ชัดเจน อย่าแสดงกำลัง ให้คงสภาพ ห้ามมีสิ่งปลูกสร้างใดๆ เพิ่มเติม เพื่อรอการปักปันเขตแดน พร้อมมอบหมายให้ผู้นำทหารระดับพื้นที่ไปพูดคุย นำข้อตกลงที่ประชุมจีบีซีไปสู่การปฏิบัติ
ทว่า ข้อแตกต่างระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา คือ ทหารไทยในพื้นที่มีอำนาจสั่งการ แต่ทหารกัมพูชาไม่มีอำนาจ ต้องรอคำสั่งจากผู้บัญชาการภูมิภาคกัมพูชาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ผลการหารือระหว่าง“ภูมิธรรม-เตีย เซ็ยฮา” เป็นแค่การพูดคุยปากเปล่า ไม่มีการเขียนลงเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด หรือเรียกว่า “ใจแลกใจ”
“เราคุยในหลักการ เราเคารพในข้อตกลง ที่ให้แต่ละฝ่ายอยู่ตรงจุดไหน แต่ให้หลีกเลี่ยง ด้วยการดึงทั้ง 2 ฝ่ายออกมา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ ซึ่งก็เป็นข้อตกลงเดิมอยู่แล้ว และอยากเห็นความร่วมมือกัน ในการแก้ไขปัญหา” ภูมิธรรม ตอบคำถาม ข้อตกลงจีบีซี สามารถยึดเป็น Gentleman Agreement หรือ"สัญญาลูกผู้ชาย"ได้หรือไม่
แม้ระดับนโยบายจะเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่ในระดับปฏิบัติกลับไม่เป็นเช่นนั้น โดยเฉพาะทหารไทยรู้จักยี่ห้อทหารกัมพูชาเป็นอย่างดี
ปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ ทหารกัมพูชายังตรึงกำลังประชิดชายแดนไทยทั้ง 3 จุด ไม่มีการปรับลดกำลัง และยังไม่ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เสริมเข้ามาก่อนหน้านี้ออกจากพื้นที่แต่อย่างใด
เมื่อทหารกัมพูชาไม่ถอย ทหารไทยก็ยังตรึงกำลังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ พร้อมปกป้องปราสาทตาเมือนธม พื้นที่ของไทย รวมถึงพื้นที่ช่องบก และช่องอานม้า และพื้นที่อื่นตลอดแนว
ท่ามกลางความอดทนอดกลั้นของทหารไทยต่อการยั่วยุ พยายามดึงสถานการณ์เพื่อไม่ให้ถูกมองเป็นฝ่ายจุดไฟชายแดนไทย-กัมพูชา เสียเอง







