‘ปิยบุตร’ อวย ปชน.ใช้ระบบเปิดคัดคน มีข้อเสีย แต่ต้องถอดบทเรียน

‘ปิยบุตร’ อวย ปชน.ใช้ระบบเปิดคัดคน มีข้อเสีย แต่ต้องถอดบทเรียน

‘ปิยบุตร’ อวยพรรค ปชน. ใช้ ‘ระบบเปิด’ คัดคนเข้าพรรค ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง รับแม้มีข้อเสีย แต่ก็ต้องถอดบทเรียน ชี้ไทยเสียเวลามา 2 ทศวรรษแก้ปัญหาคนไม่กี่ตระกูล

เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดรับสมัครคนสนใจลงสมัครรับเลือกตั้ง ว่า ข้อพิจารณาสำหรับผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาชน

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. เพจพรรคประชาชนได้ลงภาพประกอบด้วยข้อความสั้นๆว่า “สส.ใหม่ใกล้ฉัน พรรคประชาชนเปิดรับสมัครหลักสูตร "นักการเมืองประชาชน" แท็กชื่อเพื่อนที่คุณอยากให้เป็น สส.มาสมัครเลย!” และในช่องความคิดเห็น พรรคประชาชนได้แจกแจงรายละเอียดการรับสมัครไว้

ผ่านมา 2 วัน มีผู้ให้ความสนใจประกาศนี้มาก ผ่านมา มีคนกดไลค์มากกว่า 3 หมื่น แชร์เกือบ 3 พัน และแสดงความเห็นมากกว่า 5 พัน 

นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แสดงให้เห็นว่า ประเทศของเรา มีพลเมืองที่สนในติดตามการเมือง ต้องการมีส่วนร่วมในการเมืองจำนวนมาก

นับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผ่านไปยังพรรคก้าวไกล จนวันนี้เป็นพรรคประชาชน เจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง ต้องการให้มีพรรคการเมืองที่เป็นของสมาชิกพรรค สมาชิกพรรคเป็นเจ้าของพรรคร่วมกัน 

ต้องการทำลายการผูกขาดทางการเมืองในประเทศไทยที่จำกัดไว้และวนเวียนอยู่กับ ”ตระกูลการเมือง“ ไม่กี่ตระกูล มองตำแหน่ง ส.ส. ตำแหน่งรัฐมนตรี ตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ เป็น ”สมบัติส่วนตัว“ ของครอบครัว ชนิดที่ว่าส่งต่อกันเหมือนมรดกประจำตระกูล 

ต้องการให้เป็นพรรคการเมืองที่เปิดกว้างกับคนทุกคนที่มีความคิดอุดมการณ์เดียวกัน ใครก็ตามที่พิจารณาแล้วว่าตนเองมีความคิด อุดมการณ์เดียวกับพรรค มีความรู้ความสามารถ มีเจตจำนงอันแรงกล้าต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ มีทัศนคติและยึดถือคุณค่าที่ตรงกับคุณค่าหลักของพรรค ก็สามารถเสนอตัวเข้ามาเป็นผู้สมัครได้ โดยไม่ต้อง ”หิ้วกระเป๋าตามนาย“ โดยไม่จำเป็นต้องมีทรัพย์ศฤงคารมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องเกิดมาในครอบครัวนักการเมือง โดยไม่ต้องมี ”ผู้ใหญ่“ ฝากมา

ด้วยเจตนารมณ์เช่นนี้ ทำให้พรรคใช้ ”ระบบเปิด“ ใครๆก็มีสิทธิแสดงความประสงค์ลงสมัครได้ และเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกสรรหาตามที่พรรคออกแบบไว้ 

อย่างไรก็ตาม ”ระบบเปิด“ เช่นนี้ อาจถูก ”แฮ็ค“ จนทำให้เสียเจตนารมณ์ได้ เช่น 

คนที่ไม่ได้มีความคิดอุดมการณ์เดียวกับพรรค ใช้ “ระบบเปิด” ของพรรค เป็นช่องทางการเข้าสู่การเมือง ไต่เต้าไปเป็นนักการเมือง เป็นทางลัดไปสู่มหาอำมาตย์ทางการเมืองรายใหม่

“นักแสวงโชคทางการเมือง” ไปพรรคนี้ก็ไม่ได้ ไปพรรคนั้นก็ไม่มีช่องทางเข้าไป ก็อาจเห็นช่องทางในการหา “เสื้อ” พรรคประชาชนใส่เพื่อลงรับเลือกตั้ง

“เสือจร” ที่ไม่ได้คิดแบบเดียวกับพรรค แต่เห็นว่าพรรคมีกระแสสูง ก็เลย “จร” เข้ามาอยู่ในพรรคเพื่อเอากระแสไปใช้ในการเลือกตั้ง 

แต่ทั้งหลายทั้งปวง เมื่อพิจารณาข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นชั่งน้ำหนักกับข้อดีที่คนหน้าใหม่ได้เข้าสู่วงการเมืองแล้ว ข้อดีมีน้ำหนักกว่ามาก ส่วนข้อเสีย สามารถแก้ไขได้โดยพรรคต้องสร้างกระบวนการคัดเลือกที่แม่นยำ กระบวนการหลอมรวมความคิด ขัดเกลาเหลาอุดมการณ์ของคนที่เข้าร่วมขบวนการ ต่อไป

ผมมีความเห็นว่า “ระบบเปิด” ที่ใช้กันมา ตั้งแต่ตั้งพรรคอนาคตใหม่จนถึงวันนี้ มีข้อผิดพลาดบกพร่อง หลายกรณี ก็ปรากฏเป็นข่าว แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา นับว่าคุ้มค่า เราได้ ”นักการเมือง“ หน้าใหม่เข้าสู่แวดวงการเมืองไทยจำนวนมาก เราได้ ”นักการเมือง“ หน้าใหม่ที่กล้าหาญ ทำในสิ่งที่นักการเมืองแบบเดิมไม่คิดทำหรือไม่กล้าทำ 

ต่อให้สนับสนุนพรรคหรือไม่ชอบพรรค หากมีใจเป็นธรรม ก็คงวินิจฉัยได้ว่า ข้อนี้เป็นความจริง 

ลองคิดดูว่า หากเราไม่สร้างพรรคที่เป็น “ยานพาหนะ” หรือ “แพลตฟอร์ม” แบบนี้ขึ้นมา คนหน้าใหม่เหล่านี้ จะคิดเข้าสู่แวดวงการเมืองหรือไม่? หากคิด แล้วไปสมัครพรรคอื่นๆที่มีอยู่เดิม พวกเขาจะได้รับโอกาสหรือไม่? หรือถ้าได้เป็น ส.ส.ในพรรคอื่นแล้ว จะมีโอกาสแสดงบทบาทแบบที่ทำอยู่ได้หรือไม่? 

ดังนั้น การก่อตั้งพรรคด้วยระบบเปิด จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เมื่อถูกต้อง ก็ต้องดำเนินต่อไป

ส่วนข้อผิดพลาดบกพร่องที่เคยเกิด กำลังเกิด หรืออาจจะเกิดอีก ก็นำมาถอดบทเรียน หาวิธีแก้ไข

สำหรับผู้ที่ประสงค์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในนามพรรคประชาชน และกำลังเข้าสมัครหลักสูตร “นักการเมืองประชาชน” ตามเงื่อนไขที่พรรคกำหนดนั้น ผมอยากฝากข้อพิจารณาเบื้องต้นว่า 

หากท่านต้องการเข้าสู่แวดวงการเมือง เพราะ อยากมีอำนาจวาสนา อยากมียศถาบรรดาศักดิ์ อยากมีแสงส่อง มีชื่อเสียง มีเงินทอง ได้ขยับสถานะทางชนชั้น ไปไหนมาไหนมีคนห้อมล้อมดูแล เรียกท่าน ได้อรรถบริขาร เอกสิทธิ์ อภิสิทธิ์จำนวนมาก

หากท่านมีทัศนคติเจ้ายศเจ้าอย่าง อ่อนน้อมหงอกับคนที่มีอำนาจกว่า กดขี่ข่มเหงเบ่งกับคนที่มีอำนาจน้อยกว่า ที่นี่ คงไม่เหมาะ 

แต่หากท่านต้องการเข้าสู่แวดวงการเมือง เพราะ ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อมั่นว่าประเทศของเราดีกว่านี้ได้ พร้อมอุทิศตนให้กับพรรค ให้กับสังคมไทย เรื่องส่วนรวมมาก่อนเรื่องส่วนตัว ไม่นำเรื่องส่วนตัวเรื่องครอบครัวมาปะปนกับเรื่องส่วนรวม อ่อนน้อมถ่อมตนกับประชาชน กล้าหาญทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ยึดติดกับตำแหน่งหัวโขน ไม่ยึดติดว่า ส.ส.คืออาชีพต้องเป็นไปจนตาย 

หากท่านคิดดังนี้ และตัดสินใจเข้าร่วมขบวนการกับพรรค ก็เป็นเรื่องดีที่พรรคจะได้คนมีคุณภาพเข้าร่วมขบวนการ

ในฐานะเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และวันนี้เป็นคนนอกที่เฝ้าสังเกตการณ์และเอาใจช่วยพรรคประชาชน ผมหวังว่า ประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศ ที่มีความคิด อุดมการณ์ ความฝันเดียวกับพรรคประชาชนจะเข้ามาร่วมเดินทางไปกับขบวนการนี้จำนวนมาก 

ประเทศของเรา ดีกว่านี้ได้ เราเสียเวลาไป 2 ทศวรรษกับการแก้ปัญหาของคนไม่กี่ตระกูล 

ถึงเวลามาร่วมกันสร้างประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้า เสมอภาคเท่าเทียม ทุกคนดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี มีโอกาสในการพัฒนาตนเอง อยู่ร่วมกันอย่างฉันมิตร ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ประหัตประหารกัน