'ฉัตรวรรษ'เผยจ่อถกสว.ให้ข้อมูล'โพยฮั้ว' ยกปมอำนาจเจริญยื่นเพิ่มศาลรธน.

'ฉัตรวรรษ'เผยจ่อถกสว.ให้ข้อมูล'โพยฮั้ว' ยกปมอำนาจเจริญยื่นเพิ่มศาลรธน.

'ฉัตรวรรษ'ชี้หมายเรียกคดีโพยฮั้วไร้ข้อมูล จ่อถกสว.กำหนดแนวทาง โวยดีเอสไอไม่โปร่งใส-ละเมิดสิทธิ เตรียมหยิบปมอำนาจเจริญยื่นเพิ่มศาลรธน.

ที่รัฐสภาพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) แถลงกรณีเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในคดีโพยฮั้วสว.รวมถึงกรณีให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลธรรมนูญ มีมติสั่ง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมหยุดปฎิบัติหน้าที่กำกับดูแลกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ว่า สิ่งที่ไม่สมควรคือมีการอัดคลิปและภาพของตนไปออกข่าวซึ่งหากตนรู้ก่อนก็จะใช้คำพูดอีกอย่างหนึ่ง แต่ถ้าพูดคุยกันในลักษณะหนึ่งเป็นการพูดคุยกันธรรมดาตนก็พูดไปตามภาษา ตนต้องขอโทษคำพูดที่ไม่เหมาะสมจนถูกเข้าใจว่าอาจจะก้าวร้าว ไม่เคารพในองค์กรยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาเช่นนั้น 

ยืนยันว่าทุกเรื่องตนรวมถึงส.ว. พร้อมที่จะพิสูจน์หากทุกอย่างเป็นกระบวนการที่ชอบด้วยกฏหมายดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์โปร่งใสตนก็พร้อมทั้งหมดแม้กระทั่งการที่จะไปชี้แจงกับอนุกรรมการของกกต . หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แต่ทั้งนี้ข้อมูลที่ตนได้รับทราบมาอาจจะจริงหรือเท็จตนจึงยังไม่รู้ว่าข้อมูลที่จะไปให้การกับคณะอนุกรรมการตนก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกหมายเรียกซึ่งหมายเรียกนั้นตนอ่านดูแล้วเห็นว่า ในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจการจะเชิญบุคคลมาให้ถ้อยคำหรือเป็นพยานก็แล้วแต่ต้องชี้แจงประเด็นว่ามีประเด็นใดบ้างไม่ใช่มาแจ้งข้อกล่าวหาแล้วบอกว่าเป็นการกระทำผิดเกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาอย่างเดียวก็ไม่รู้จะตอบในประเด็นไหน

ทั้งนี้นี้อยากจะย้อนถามกลับไปว่าผู้ตั้งคำถามหรือกล่าวหามีประเด็นที่จะให้ตอบหรือไม่อย่างไร ขณะที่ในหมายเรียกได้ระบุไว้ท้ายถ้อยคำว่าจะไปให้หรือไม่ให้ข้อมูลก็ได้ อีกทั้งมองว่าถ้าเป็นไปโดยเที่ยงธรรมควรที่จะต้องฟังจากส.ว. ทั้ง 200 คนไม่ใช่จะเอากลุ่มหนึ่งกลุ่มใดแล้วไปตั้งว่าเป็นสีนั้นสีนี้ซึ่งตนก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าข้อมูลเป็นอย่างไรถ้าเป็นเช่นนั้นท่านก็สามารถรวบรวมข้อมูลเสนอพิจารณาได้เลยเพราะการไปแล้วไม่สามารถตอบคำถามท่านได้ก็ไม่มีประโยชน์

อย่างไรก็ดีตนจะหารือกับสมาชิกที่ถูกหมายเรียกหรือจะต้องถูกเรียกในอนาคตให้เป็นแบบเดียวกันซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้ยังมีเวลาถึงวันที่ 19 มิ.ย.ซึ่งอนุสืบสวนของกกตจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีมติรับคดีฟอกเงินเป็นคดีพิเศษขณะนี้ ตนได้ทำคำโต้แย้งไปแล้วว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาไม่ว่าจะเป็นในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตนไม่สามารถไปก้าวล่วงองค์กรที่เกี่ยวข้องได้

 

ส่วนสาเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ.ต.อ.ทวี  หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่ขอก้าวล่วง แต่ส่วนตัวมองวว่าการดำเนินการของดีเอสไอมีความไม่โปร่งใส ทำให้ประชาชนที่ถูกเรียกสอบเป็นพยานโดยเฉพาะในจังหวัดอำนาจเจริญทำให้สว. อำนาจเจริญได้รับความเดือดร้อนจากคนที่ถูกพนักงานสอบสวนของดีเอสไอสอบสวน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม รู้สึกว่าถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพ

จึงร้องเรียนมาที่ สว. อำนาจเจริญและนำมาเสนอที่วุฒิสภา ซึ่งตนพิจารณาแล้วเห็นควรให้ยื่นเพิ่มเติมไปต่อศาลรัฐธรรมนูญเพราะมองว่าการสอบสวนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินแต่เป็นการได้ว่าซึ่ง สว. ซึ่งไม่เข้าข่ายคดีพิเศษ แต่จะเป็นเพราะประเด็นนี้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่อาจก้าวล่วงการพิจารณาของศาลได้

ส่วนกรณีที่ สว. ไม่เชื่อมั่นการทำหน้าที่ของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 นั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นการต่อสู้ แต่เป็นการพิสูจน์ การได้มาซึ่งสว. ทุกคน เราพร้อมให้พิสูจน์ เราไม่ได้ไปรบกับใคร แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียวมาตลอดวันนี้เราแทบจะเป็นจำเลยของสังคม แต่เราก็ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ ตราบใดที่ กกต.รับรองเราว่ามาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเสนอมาที่ เลขาธิการวุฒิสภารับรองให้เราปฏิบัติหน้าที่ เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจที่ให้ไว้เท่านั้น ไม่ได้ไปก้าวก่าย