‘เรือดำน้ำ’ ลุ้นฝ่า 3 ด่านหิน ไฟเขียวอนุมัติ ม้วนเดียวจบ?

ทางออก "เรือดำน้ำ"ขาดเครื่องยนต์งวดเข้ามาทุกขณะ อาจถึงเวลา"รัฐบาล"ต้องตัดสินใจหากเดินหน้าโดนกระแสสังคม ถ้ายกเลิกจะกลายเป็นเรื่องใหญ่
KEY
POINTS
- เรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์ ภูมิธรรมต้องเลือกแนวทางดีสุดและส่งผลกระทบต่อประเทศน้อยที่สุด
- หากพิจารณา “ข้อดี-ข้อเสีย” การเลือกเดินหน้าเรือดำน้ำ ย่อมส่งผลดีต่อไทย รวมถึงรัฐบาลมากกว่ายกเลิกสัญญา
น่าเห็นใจ “รัฐบาลเพื่อไทย” เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระดูกมาแขวนคอ สำหรับปัญหา "เรือดำน้ำขาดเครื่องยนต์"ของกองทัพเรือ
หลัง รมว.กลาโหม เยอรมนี ย้ำเหตุผลไม่สามารถขายเครื่องยนต์ MTU369 ให้จีน เพื่อนำมาติดตั้งบนเรือดำน้ำไทยได้ เพราะข้อห้ามส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับจีนของสหภาพยุโรป(อียู) ในระหว่างการหารือทวิภาคีกับ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่ประเทศเยอรมนี
แล้ว “ภูมิธรรม” จะเอายังไงต่อ เพราะดูเหมือนมีเพียง 2 ทางเลือก คือยกเลิกสัญญา ด้วยข้ออ้างเครื่องยนต์ไม่ตรงปก ประจวบเหมาะสภาวะแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย เทคโนโลยีพัฒนาไปข้างหน้า รวมถึงข้อจำกัดงบประมาณและสภาพเศรษฐกิจ
แน่นอนว่า สิ่งที่ตามมากระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับจีน ในสภาวะที่มีการห้ำหั่นกันด้วยสงครามทางเศรษฐกิจของมหาอำนาจ ย่อมส่งผลไม่ดีต่อไทย
เพราะการจัดซื้อเรือดำน้ำในรูปแบบจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดการบอกเลิกสัญญา ตามระเบียบ ตามกฎหมาย จึงพยายามให้สองฝ่ายเจรจา ไม่เช่นนั้นปัญหาจะลุกลามไปหลายประเด็น
ส่วนรัฐบาลจะตกเป็นจำเลย เสี่ยงทำผิดกฎหมาย เพราะหากพิจารณาข้อกำหนดความต้องการตาม TOR ระบุว่า เป็นเครื่องยนต์โดยเขียนรวมๆ ว่า ต้องการ Diesel Generator Set ไม่ได้ระบุต้องเป็น MTU 396 เยอรมัน แต่จีนเป็นฝ่ายเสนอจึงเป็นที่มาการทำสัญญา
กลายเป็นช่องว่าง เมื่อเกิดปัญหาจีนไม่สามารถจัดหา เครื่อง MTU 396 เยอรมันได้ จึงเสนอเครื่องยนต์ CHD 620 ที่จีนผลิต มีคุณสมบัติไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจาก TOR ที่กำหนด
อีกทั้งหากยกเลิกสัญญา ไทยจะไม่ได้รับการชดเชยใดๆจากจีนทั้งสิ้น ทั้งค่างวดจ่ายไปแล้ว 10 งวด คิดเป็น 60% เป็นจำนวนเงิน 7,700 ล้านบาท รวมถึงตัวเรือดำน้ำสร้างเสร็จไปแล้ว 64% ไม่คืนให้
ก็จะนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน เพราะรัฐบาลทำสูญเสียเงินเปล่าประโยชน์ โดยไม่ได้อะไรกลับคืนมา อีกทั้งกองทัพเรือ ยังยืนยันความจำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ
ในทางกลับกันหากเดินหน้าติดเครื่องยนต์ CHD 620 ที่จีนผลิต กองทัพเรือ ได้เรือดำน้ำตามความต้องการด้านยุทธการ และจีนชดเชยค่าเสียโอกาส ด้วยการเพิ่มการรับประกันร่วม 200 ล้าน เช่น ประกันอะไหล่ ให้ตอร์ปิโดฝึก ขยายเวลาประกันเครื่องยนต์จาก 2 ปี เป็น 8 ปี ขยายเวลาการอบรมเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค
ทว่า สวนกระแสสังคม ย้อนแย้งกับจุดยืน“พรรคเพื่อไทย” ในยุคเป็นฝ่ายค้าน ที่พยายามจมเรือดำน้ำมาตลอด กลายเป็นเงื่อนไขเขย่าคะแนนนิยม และรัฐบาลเพื่อไทยต้องมารับความเสี่ยงในอนาคต
หากพิจารณา “ข้อดี-ข้อเสีย” การเลือกเดินหน้าเรือดำน้ำ ย่อมส่งผลดีต่อไทย รวมถึงรัฐบาลมากกว่ายกเลิกสัญญา
อาจมองได้ว่า “ภูมิธรรม”ยื้อโครงการนี้ หวังหาเหตุผลมาอธิบายสังคมว่าได้พยายามแก้ปัญหาเรือดำน้ำเต็มที่แล้ว ตั้งแต่ “สุทิน คลังแสง” แต่ผลลัพธ์ออกมาไม่เป็นไปตามที่หวัง
จำเป็นต้องเลือกแนวทางดีสุดและส่งผลกระทบต่อประเทศน้อยที่สุด ด้วยการลงนามเสนอเข้า ครม.อนุมัติให้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ไปลงนามแก้ไขสัญญาเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์จีน และต้องมีการจัดทำเอกสารในรายละเอียด ก็ต้องใช้เวลา
ท่ามกลางกระแสข่าว รัฐบาลจะเจรจาในการให้จีนรับซื้อสินค้าเกษตรไทยบางรายการ เพราะการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีเปิดกว้างให้สามารถเจรจาเพิ่มอย่างอื่นได้อีก
สำหรับการตั้งคำของบฯ ผูกพันโครงการเรือดำน้ำ ปัจจุบันไม่ทันปีงบประมาณ 2569 ต้องขยับต่อไปในปี 2570 ทำให้การส่งมอบอาจจะเลื่อนไปถึงปี 2574 และการขยายสัญญาก็ต้องมากกว่า 1,200 วัน มากกว่ากรอบเดิมที่ตั้งเอาไว้
กระนั้น “ภูมิธรรม” ยังไม่เซ็นอนุมัติ ชง ครม.ในเร็ววันนี้ เพราะต้องรอให้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 1 ผ่านสภาฯ เสียก่อน ตามไทม์ไลน์พิจารณา 28 - 30 พ.ค.2568
ท่ามกลางการชิงไหวชิงพริบในเกมการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล หลังมีกระแสข่าว “ภูมิใจไทย” เตรียมคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯ อาจส่งผลให้รัฐบาลต้องยุบสภา หรือลาออก
ถ้าผ่านร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ไปได้ ยังมีคดีรักษาตัวโรงพยาบาลตำรวจ ชั้น14 “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน 13 มิ.ย.
หาก 2 ประเด็นดังกล่าวไร้ปัญหา เชื่อว่าจะมีการ ปรับ ครม.ถ้าเก้าอี้รัฐมนตรี “ภูมิธรรม” ยังมั่นคง คงไม่พ้นต้องทำหน้าที่เซ็นอนุมัติ “เรือดำน้ำ”ติดเครื่องยนต์จีน เสนอ ครม.
ยกเว้นจะมีการเปลี่ยนตัว “รมว.กลาโหม” คนใหม่ คงต้องประเมินทิศทาง“เรือดำน้ำ”กันอีกครา







