ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’ จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’  จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

นายกฯ อิ๊งค์” ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร แต่เพียงผู้เดียว การทิ้ง “ไพ่ตาย” ดังกล่าว จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ “พรรคแกนนำ” เล็งเห็นแล้วว่า เป็นฝ่ายกุมแต้มต่อทางการเมือง

KEY

POINTS

  • ผู้ที่ถืออำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการประกาศยุบสภา เป็นอำนาจโดยตรงของ “นายกฯ อิ๊งค์” ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร แต่เพียงผู้เดียว การทิ้ง “ไพ่ตาย” ดังกล่าว จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ “พรรคแกนนำ” เล็งเห็นแล้วว่า เป็นฝ่ายกุมแต้มต่อทางการเมือง
  • ด้วยยี่ห้อ “ชินวัตร” มีบทเรียนการเป็นรัฐบาลมาแล้ว 5 ครั้ง  อยู่ครบเทอม 1 ครั้งในสมัย “รัฐบาลทักษิณ 1” ยุบสภา 2 ครั้ง ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ขณะที่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่รับช่วงต่อจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เกิดจุดพลิก “เปลี่ยนขั้วการเมือง”
  • “นายกฯ อิ๊งค์” และพรรคเพื่อไทยเวลานี้ กำลังเสียรังวัดหลายด้าน การโยนไพ่ตาย “ยุบสภา” จึงอาจยังไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายต่างจากยุครัฐบาลทักษิณผู้เป็นพ่อ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้เป็นอา ที่เจอเกมการเมืองไล่ต้อนจนกลายเป็นไฟต์บังคับให้ “2 อดีตนายกฯ” ต้องเลือกทิ้งไพ่ยุบสภาเพื่อ “ล้างกระดาน” 

สถานการณ์ “พรรคร่วมรัฐบาล” ท่ามกลางสารพัดปมร้อน ที่ต่างฝ่ายต่าง “ซ่อนไพ่” ไว้ในมือ นับวันจะยิ่งหนักข้อ ส่อแววร้าวลึกมากขึ้นทุกที 

“นิติสงคราม” ที่กำลังรุกไล่ฝ่าย “แดง” และ “น้ำเงิน” จนทำให้ต่างฝ่ายต่างก็มีแผล โฟกัสอยู่ที่ “2 ตัวละครหลัก” ในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ ฝั่ง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่พรรคเพื่อไทย มีคดีชั้น 14 ที่ตามหลอกหลอน 

หลังมติแพทยสภาสั่งลงโทษ “3 นายแพทย์” ที่มีส่วนให้ความเห็น กรณีส่งตัว “ทักษิณ” ไปรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เนื่องจากไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า อดีตนายกฯ ทักษิณ มีอาการป่วยเข้าขั้นมีภาวะวิกฤติตามที่กล่าวอ้าง

ทำให้เผือกร้อนประเด็นนี้ตกไปอยู่ในมือของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข  ซึ่งมีสิทธิตามกฎหมายในการพิจารณา 15 วันเพื่อพิจารณาว่า จะเห็นแย้งกับแพทยสภาหรือไม่

ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’  จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

ขณะเดียวกัน ยังมีกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรียกไต่สวน “ทักษิณ” ในวันที่ 13 มิ.ย.68 นี้

ไม่ต่างจากฝั่ง “สีน้ำเงิน” ที่ถูกไล่ทุบด้วย “คดีโพยฮั้ว สว.” เจาะจงไปที่ตัว “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน รวมถึงพลพรรคสีน้ำเงิน เพื่อสยบความอหังการใน “เกมดุลอำนาจ” 

“ข่าวปล่อย” ที่อ้างถึงความไม่พอใจของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยหลังดีเอสไอ และกกต.ออกหมายเรียก “54 สว.” ขยายความไปถึงขั้น จะมีการเปิดเกมแตกหักระหว่าง “เพื่อไทย” และ“ภูมิใจไทย” ด้วยการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ซึ่งจะเข้าสู่สภาฯ วาระแรกในช่วงปลายเดือนพ.ค. เพื่อบีบให้ “นายกฯอิ๊งค์” ประกาศยุบสภาฯ และมีการเลือกตั้งใหม่

ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’  จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

แน่นอนว่าข่าวคราวที่ถูกปล่อยออกมาหวังผลในแง่ของการ “ปั่นกระแส” การเมืองอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความย้อนแย้งกับสภาพความเป็นจริงในบริบทการเมือง ณ เวลานี้อยู่พอสมควร 

ขึ้นชื่อว่า “งบประมาณ” ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเค้กชิ้นโต ยิ่งอยู่ในสภาวะการเป็น “พรรคร่วมรัฐบาล” มีเครื่องไม้เครื่องมืออยู่กับตัวด้วยแล้วไม่มีทางที่พรรคการเมืองจะยอมเสียโอกาส เสียรังวัดในการช่วงชิงคะแนนนิยม จากการจัดสรรงบประมาณ เพื่อแลกกับเกมการเมืองเป็นอันขาด

 

ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’  จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

อีกทั้งด้วยสไตล์ส่วนตัวของ“เสี่ยหนู” อนุทิน ที่โดยปกติมักจะเล่นบทหวานเจี๊ยบ ไม่ปะทะ แต่จะมีลูกล่อลูกชน “ซ่อนไพ่” ต่อรองที่แยบยลกว่านั้น โดยเฉพาะการปรากฏซีน พบกันระหว่าง “บุคคลสำคัญ” ย่อมถูกตีความในแง่สัญลักษณ์การเมืองเป็นธรรมดา

เหนือไปกว่านั้น บริบทการเมืองในเวลานี้ ต้องยอมรับว่าทั้ง “เพื่อไทย” หรือ “ภูมิใจไทย” ที่กำลังเสียรังวัดจากหลายปมร้อน ขณะที่บรรดาเรือธงภายใต้กระทรวงที่แต่ละพรรคดูแล ก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนสร้างผลงานได้ตามเป้า เมื่อเป็นเช่นนี้ต่างฝ่ายต่างยังไม่พร้อมที่จะลงสนามเลือกตั้งในเวลานี้แน่นอน

จริงอยู่ผู้ที่ถืออำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการประกาศยุบสภา เป็นอำนาจโดยตรงของ “นายกฯ อิ๊งค์” ในฐานะประมุขฝ่ายบริหาร แต่เพียงผู้เดียว

หรือหากจะเทียบเคียงการเมืองในอดีต มีตัวอย่างให้เห็นในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พบว่า “พรรคแกนนำรัฐบาล” มักจะหยิบ “ไพ่ยุบสภา” ออกมาขู่พรรคร่วมรัฐบาลเพื่อสยบแรงกระเพื่อม

ทว่า การทิ้ง“ไพ่ตาย”ดังกล่าว จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ “พรรคแกนนำ”เล็งเห็นแล้วว่า เป็นฝ่ายกุมแต้มต่อทางการเมือง รวมถึงคะแนนนิยมในเวลานั้น หรืออีกหนึ่งเงื่อนไขที่นำไปสู่การยุบสภา คือ การเมืองบีบบังคับ จนไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จนต้อง“ล้างกระดาน”เพื่อเริ่มนับหนึ่งใหม่

ถอดรหัสยุบสภา ‘5 รัฐบาลชินวัตร’  จับตา ‘อำนาจนอกระบบ’ เซาะกร่อน

ด้วยยี่ห้อ“ชินวัตร” มีบทเรียนการเป็นรัฐบาลมาแล้ว 5 ครั้ง  อยู่ครบเทอม 1 ครั้งในสมัย “รัฐบาลทักษิณ 1” ยุบสภา 2 ครั้ง ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  ขณะที่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่รับช่วงต่อจากรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เกิดจุดพลิก“เปลี่ยนขั้วการเมือง” ตามมาด้วยปฐมบท “มันจบแล้วครับนาย” กระทั่งมีการยุบพรรคพลังประชาชนเวลาต่อมา

ขณะที่สถานการณ์ของ “นายกฯอิ๊งค์” และพรรคเพื่อไทยเวลานี้ กำลังเสียรังวัดหลายด้าน ดังนั้นการโยนไพ่ตาย “ยุบสภา” จึงอาจยังไม่ใช่ทางเลือกสุดท้ายที่จะหยิบมาใช้

ต่างจากยุครัฐบาลทักษิณผู้เป็นพ่อ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ผู้เป็นอา ที่เจอเกมการเมืองไล่ต้อนจนกลายเป็นไฟต์บังคับให้ “2 อดีตนายกฯ” ต้องเลือกทิ้งไพ่ยุบสภาเพื่อ “ล้างกระดาน” แต่กลับถูกยึดอำนาจในท้ายที่สุด

หลังประชุม ครม.วันที่ 13 พ.ค. “นายกฯอิ๊งค์” ตอบคำถามประเด็น “ยุบสภา” รวมถึงสถานการณ์ของ “2 ผู้นำจิตวิญญาณ”  คือ “ทักษิณ” และ “เนวิน” ที่กำลังเขย่าเสถียรภาพรัฐบาล ต้องคุมให้ได้

“ถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น เรื่องผู้นำจิตวิญญาณอะไรสักอย่าง มันก็คงต้องเกิดขึ้นนอกรอบ นอกระบบไป แต่ถ้ามันอยู่ในระบบ อยู่ในการจัดตั้งรัฐบาล มันก็คงเกิดขึ้นไม่ได้”

เช่นนี้ต้องจับตา “เกมดุลอำนาจ” ภายใต้สถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่าง “ซ่อนไพ่” ไว้ในมือ แม้ “ในระบบ” นายกฯ จะย้ำหลายครั้งหลายคราว่า ยัง“คุมอยู่” แต่ยังมีเงื่อนไข “นอกระบบ” ที่คอย “เซาะกร่อน” เสถียรภาพรัฐบาลอยู่เป็นระยะ ยังไม่นับรวม “สัญญาณพิเศษ” ที่เป็นเสมือน “รัฐซ้อนรัฐ” อาจเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ ชี้ขาดฉากการเมืองหลังจากนี้

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์