‘พรรค 2 ลุง’กระเพื่อม เลือดไหล ‘พปชร.-รทสช.’ เลือกตั้ง ไปต่อ!

จุดหนึ่งที่เหมือนกันของ 2 พรรคนี้ คือต่างเคยพึ่งพากระแสผู้นำอย่าง“ลุงตู่” มาด้วยกันทั้งคู่ เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคไหนจะหายไปจากกระดานก่อนกัน
KEY
POINTS
- 2พรรคการเมืองที่เป็นมรดกจากยุค คสช. กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมาถึง
- ภาวะเลือดไหล ดูเหมือนพลังประชารัฐ จะเจอมานาน แต่กับรวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้เจอแรงกระเพื่อมภายในเพื่อช่วงชิงการนำ
- สปอนเซอร์รายใหญ่ปักธงต้องการกุมอำนาจบริหารพรรคเบ็ดเสร็จ
- พลังประชารัฐ รอแค่ลุงป้อมส่งสัญญาณ เอาไงต่อ รวมไทยสร้างชาติ ด่านแรกต้องขย่มพีระพันธุ์ ให้พ้นกระดาน
ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ความระหองระแหงกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แรงกดดันทางเศรษฐกิจ สร้างแรงกดดันให้กับนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย จนอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
การบริหารจัดการภายในของแต่ละพรรค โดยเฉพาะในพรรคร่วมฯ ล้วนมีปัญหาเฉพาะตัวที่ต้องปรับแก้อีกหลายระลอก เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง อุดจุดอ่อนต่างๆ และมีบางพรรคที่กำลังเผชิญแรงเปลี่ยนผ่าน
ที่เห็นชัดที่สุดคือ พลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ
จุดกำเนิด 2 พรรคดังกล่าว เกิดขึ้นจาก “พี่น้อง 3 ป.” ที่ต้องการต่อท่ออำนาจจากรัฐบาล คสช. โดยพลังประชารัฐ ถูกก่อร่างเพื่อเอาไว้รองรับเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งเกือบจะไม่ได้ใช้ชื่อพลังประชารัฐ เนื่องจาก ป.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงที่ยังอยู่ในอำนาจ อยากให้ใช้ชื่อ “พรรคปวงประชา” แต่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยร่วมกันบุกเบิกพรรค กล่อมสำเร็จ จนได้ข้อสรุปมาเป็น “พลังประชารัฐ” เพราะสอดคล้องกับ “นโยบายประชารัฐ” ที่ปูพรมจนติดหูผู้คน ในช่วงก่อนเลือกตั้ง 2562
การรวมกันของกลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐ มาด้วยหลายเงื่อนไข บ้างโดนบีบด้วยคดี บ้างเข้ามาเพราะประเมินแล้วว่า ขุมข่ายอำนาจตอนนั้นไม่สลับขั้วไปไหน ทั้งหมดต่างเกาะเกี่ยวกันด้วยผลประโยชน์ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง สะท้อนชัดตั้งแต่ก่อตั้งพรรค แต่ละก๊กเปิดศึกขัดแย้ง แย่งชิงการนำไม่หยุดหย่อน
จุดเปลี่ยนสำคัญคือ การที่ ป.ประยุทธ์ ตัดสินใจแยกทาง ป.ป้อม ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปสร้างดาวดวงใหม่ คือ “รวมไทยสร้างชาติ” สู้เลือกตั้งปี 2566 นักการเมืองหลายมุ้งก็ทยอยทิ้งพลังประชารัฐเพื่อตามไปอยู่ด้วย แต่เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง สุดท้ายลุงตู่จึงตัดสินใจวางมือทางการเมือง
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในวันที่ไร้เงาลุงตู่ เจอแรงกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการมีตำแหน่ง รมว.พลังงาน ในช่วงหลังแนวทางขัดแย้งอย่างรุนแรงกับสปอนเซอร์รายสำคัญของพรรค จนโดนเกมบีบทุกรูปแบบ เป้าสำคัญคือ เขี่ยพีระพันธ์พ้นเก้าอี้เสนาบดี เพื่อเอาคนของสปอนเซอร์เสียบแทน
เกมร้องสอยพีระพันธุ์ต่อ ป.ป.ช. กรณีถือหุ้น และเป็นกรรมการบริหารบริษัทเอกชน รวมถึงโดนร้องกรณีแจกถุงยังชีพชาวบ้านซึ่งติดรูปตัวเอง
ว่ากันว่า งานนี้ถ้าจัดการพีระพันธุ์สำเร็จ สปอนเซอร์น่าจะหวังถึง 2 เด้ง คือให้หลุดรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ซึ่งทุนใหญ่ต้องการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ รันพรรคสู้เลือกตั้งครั้งต่อไป โมเดลไปตั้งพรรคใหม่ไม่เอาแล้ว
ระหว่างนี้ พรรค 2 ลุง โดยเฉพาะพลังประชารัฐ ที่เจอภาวะเลือดไหลมาต่อเนื่อง แม้เจ้าสำนักบ้านป่า จะอัดโปรโมชั่นแบบถึงใจ ว่ากันว่า หนักเดือนละครึ่งโล เพื่อรั้ง สส.ก็ยังฉุดไว้ไม่ค่อยจะอยู่ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่ไม่มีตำแหน่งจะทยอยลาออก
ล่าสุด “อุตตม สานายน” และ“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” โบกมือลา“ลุงป้อม”ไปแล้วเรียบร้อย และหลังจากนี้ขุนพลพลังประชารัฐ จะหายไปอีกกี่คน ก็พอเห็นเค้าลางมาระยะหนึ่งแล้ว หลายคนเหมือนแค่รอสัญญาณจากลุงป้อม ว่าจะสู้หรือถอยเท่านั้น
ไม่ต่างจากรวมไทยสร้างชาติ ที่แรงกระเพื่อมภายในพรรค อาจจะมีอีกหลายระลอกใหญ่ตามมา ต้องจับตาเกมแย่งชิงการนำพรรค ระหว่างผู้บริหารชุดปัจจุบันกับสายนายทุน ใครจะคว้าชัยไปครอง หลังจากนั้นก็น่าจะมีคำตอบว่า พรรคนี้จะเดินต่ออย่างไร ใครจะอยู่ใครจะไป
จุดหนึ่งที่เหมือนกันของ 2 พรรคนี้ คือต่างเคยพึ่งพากระแสผู้นำอย่าง“ลุงตู่” มาด้วยกันทั้งคู่
เมื่อแยกพรรคจากกัน เรตติ้งการเมืองก็ไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะในวันที่พี่น้อง 3 ป. เหลือเพียง“ลุงป้อม” หากมองหาอนาคตในการเลือกตั้งครั้งหน้า คงต้องลุ้นกันว่า พรรคไหนจะได้ไปต่อ หรือหายไปจากกระดานการเมือง







