'กฤษฎิ์' ปัดเป็นงูเห่า ซบกล้าธรรมเพราะ 'ธรรมนัส' ช่วยแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน (ปชน.) จะแถลงข่าวในการขอยุติบทบาทกับพรรค ปชน. พบว่า มีประชาชนผู้สนับสนุนพรรค ปชน.เข้ามาสอบถาม และต่อว่าในการกระทำครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาปรามให้ประชาชนอยู่ในความสงบ

จากนั้นเวลา 10.10 น. น.ส.กฤษฎิ์ แถลงว่า ตนเป็นตัวแทนของพี่น้องชาวศรีราชา กว่าจะถึงวันนี้ต้องรวบรวมความกล้าหาญ ลำบากใจอย่างยิ่งที่จะต้องมาขอยุติบทบาทกับพรรค แต่ตนเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อยากทำงานร่วมกับพรรคอื่นแล้วยังสังกัดพรรคเดิม อย่างนั้นคืองูเห่าชัดเจน แต่วันนี้ตนที่ทำงานไม่ได้เพราะอุดมการณ์ต่างกัน แนวทางการทำงานต่างกัน ตนกล้าที่จะพูดว่าขอให้พรรคขับออก โดยยื่นหนังสือไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 แต่ที่มาแถลงวันนี้เพราะสนับสนุนทีมเลือกตั้งเทศบาล ไม่อยากให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับพรรค

“สาเหตุที่ยุติบทบาทในวันนี้เนื่องจากพรรคมีเป้าหมายเน้นสร้างพรรค ไม่เน้นสร้างคน เรื่องที่พรรคให้ความสนใจแก้ปัญหาและทำงาน เป็นประเด็นสร้างกระแสและสร้างความนิยมให้พรรคเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชน ทำให้กฤษฎิ์ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องได้ รายละเอียดมีในหนังสือที่ยื่นกับพรรคไปแล้ว ไม่อยากขยายตรงนี้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่กฤษฎิ์เป็น สส.เขต มีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ การผลักดันเรื่องในพื้นที่เข้าสู่พรรค การแก้ปัญหาไม่เคยได้รับการสนับสนุนอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้กฤษฎิ์ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคได้ อีกทั้งมีเรื่องการไม่ให้เกียรติ ไม่เคารพ พูดจาลับหลังในทางที่ไม่ดีในสถานะทางเพศ และยังมีการปล่อยข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่ากฤษฎิ์เป็นงูเห่าทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงของพรรค ไม่ว่าจะเป็นการยุบพรรคหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ประชาชนในเขตกฤษฎิ์ จะต้องโทรมาหาทุกครั้งว่าเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า เป็นงูเห่าอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า แต่เวลาก็พิสูจน์ว่าที่ผ่านมากฤษฎิ์ไม่ได้เป็นแบบนั้น” น.ส.กฤษฎิ์ กล่าว

น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า เสียใจกับการยุติบทบาทในวันนี้ โดยขณะนั้นประชาชนที่มาติดตามการแถลงข่าวตะโกนให้ลาออก แล้วตะโกนว่าเป็นงูเห่า ซึ่ง น.ส.กฤษฎิ์ ระบุว่าขอให้พูดให้จบก่อนแล้วค่อยคุยกัน ถ้าไม่มีอะไรคุยก็อย่าส่งเสียง ก่อนกล่าวถึงเป้าหมายในการทำงานของตนเองว่า ตั้งแต่วันแรกเป็นอย่างไรไม่เคยเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ประเด็นที่ว่าทำไมไม่ลาออก เพราะการลาออกในวันนี้จะทำให้เราสิ้นเปลืองงบประมาณ ต้องเลือกตั้งใหม่ การลาออกแม้จะทำให้ดูเท่มาก แต่มันไร้สาระ จึงไม่ลาออกเพราะต้องการทำงานต่อตามที่ประชาชนคาดหวัง คนในพื้นที่ไม่ได้มีปัญหา ไปถามคนในพื้นที่ได้เรื่องการทำงาน

ส่วนในประเด็นแตกหัก น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า นอกจากปัญหาการทำงานในพรรคที่มีปัญหามาโดยตลอด ตนมีการร้องเรียนไปที่พรรคแต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการ อีกประเด็นแตกหักคือ ตนอภิปรายเกี่ยวกับการสร้างอ่างเก็บน้ำบนเกาะสีชังของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอเป็นตัวแทนราษฎรในการเข้าเฝ้าฯ และขอให้กระทรวงมหาดไทยทำงบประมาณเพื่อวางท่อประปาต่อน้ำไปยังเกาะสีชัง เพื่อไปยังอ่างเก็บน้ำ แต่เมื่อหารือจบมี สส.คนหนึ่งขึ้นมาต่อว่าตนว่าเหมาะสมหรือที่พูดแบบนี้ ตนยืนยันว่าเหมาะสมในสิ่งที่ทำไป จึงเป็นผลกระทบตั้งแต่นั้นมา ทางพรรคมีการต่อว่า ว่าเพื่อนส่วนมากไม่พอใจในเรื่องนี้ เพื่อนๆ ไม่กล้ามาคุยนานๆ เพราะกลัวว่าจะวางตัวไม่เหมาะสม กลัวพรรคไม่ส่งลงเลือกตั้งในครั้งต่อไป

ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น สส. ที่จะเข้ามากอบโกย น.ส.กฤษฎิ์ ถามกลับว่า ตนกอบโกยอะไร ตั้งแต่เลือกตั้งมาให้ไปดูใน จ.ชลบุรี ใครทุ่มกำลังทรัพย์ในการตั้งสำนักงานเพื่อให้ประชาชนเข้ามาร้องเรียนได้สะดวก ให้เด็กเข้ามาเรียนอย่างตน กอบโกยอย่างไร เงินภาษีที่ประชาชนโอนให้พรรคตนไม่ได้ได้สักบาท ไม่เคยเบิกจากพรรค ตนใช้เงินเดือน สส. ทำงานในพื้นที่เพื่อพรรค แล้วตนได้อะไร

เมื่อถามถึงความคาดหวังของประชาชนในพื้นที่ น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า เข้าใจ เพราะเคยเป็นประชาชนคนหนึ่งที่เคยมีความหวังเหมือนทุกคน ว่าพรรคเป็นความหวังเดียวที่เปลี่ยนแปลงประเทศชาติได้ แต่เมื่อเข้ามาแล้วในฐานะ สส. กลับผลักดันอะไรไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นความผิดหวังที่มีอยู่ในใจมากมายจึงเป็นเหตุให้ทำหนังสือยุติบทบาทกับพรรค ในช่วงที่พรรคเรียกไปคุยว่าจะแก้ไข แต่ตนบอกว่าการแก้ไขไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเรียกร้องมาก่อนหน้านั้น เลยเวลาจะแก้ไขแล้ว วันนี้จึงเรียกร้องให้พรรคขับออก เพราะจะไปทำประโยชน์ให้ชาวศรีราชาอย่างที่ตนตั้งใจไว้

ซักอีกว่า ทำไมเลือกย้ายไปพรรคกล้าธรรม น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า ตนประสานงานกับรัฐมนตรีหลายคน แต่ได้รับการตอบรับจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคกล้าธรรม ในการช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมาถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ การที่จะเลือกพรรคไหน ต้องเลือกพรรคที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องได้อย่างแท้จริง พร้อมย้ำว่าตนเองมีจุดยืนแน่นอน ขอให้พรรคขับออก ประชาชนศรีราชาเข้าใจตน และขอให้ติดตามการทำงานของตนต่อไป ไม่เคยมองว่าตนเองมีความสำคัญ แต่อาสามารับใช้ประชาชนในเวลาที่ตนพร้อม สส.หลายคนไม่ใช่คนที่พร้อมที่จะมาทำงาน ด้วยสถานะต่างๆ แต่ตนคิดว่าอยู่ในสถานะที่พร้อมทำงานเพื่อประชาชนถึงได้ลงสมัครในวันนั้น ยังผลักดันเรื่องต่างๆ มาโดยตลอด

ในช่วงหนึ่งประชาชนถามเรื่องคลิปเช็ดรองเท้า น.ส.กฤษฎิ์ ถามกลับว่า รู้หรือไม่ว่าทำไมวันนั้นถึงร้องไห้ เชื่อหรือไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มาช่วยหาเสียงเพียงครึ่งชั่วโมง ตนเดินทุกบ้านจนไปเจอคนทำรองเท้า เขาบอกว่าทำความสะอาดบ้าง ไปหาประชาชนจะได้ไม่ดูแย่ ทำให้ร้องไห้เพราะซาบซึ้งที่ต่อสู้มาคนเดียว เพราะไม่มีแกนนำคนไหนลงมาหาเลย ตนในวันนั้นจึงมีความตื้นตันใจที่เขาห่วงใย

เมื่อถามถึงเรื่องการเข้าพรรคกล้าธรรม น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า หลังจบการแถลงตนจะไปขอใบสมัครพรรคกล้าธรรม เพื่อทำงานร่วมกับพรรค หลังจากที่พรรคประชาชนขับออก และยืนยันมีอุดมการณ์เสมอว่าจะไม่เป็นงูเห่า ยืนยันมาตลอด เมื่อถามว่าก่อนตัดสินใจใช้เวลานานขนาดไหน น.ส.กฤษฎิ์ ตอบว่า ประมาณ 1 เดือน ตนเข้าโรงพยาบาลไป 2 รอบ พร้อมยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสนอมา

จากนั้นมีเสียงประชาชนตะโกนถามอีกว่าได้ถามประชาชนที่เลือกมาหรือไม่ว่ารู้สึกอย่างไร น.ส.กฤษฎิ์ ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจกะทันหัน ไม่ได้สอบถามประชาชน แต่อยากให้เข้าใจว่ามีเหตุที่จะต้องออก

ส่วนการตัดสินใจเลือกทางเดินครั้งนี้ จะถือเป็นการจบชีวิต สส. หรือไม่ น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า ทีแรกตั้งใจจะลาออก แต่จากสถานการณ์หลายๆ อย่าง จะทำให้เสียงบประมาณในการเลือกตั้ง เร็ววันนี้จะยุบสภาหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ตนยังอยากทำงานให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าจะไปขอใบสมัคร ถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือยังว่าทำได้หรือไม่ น.ส.กฤษฎิ์ กล่าวว่า ไปเอาใบสมัครไว้เฉยๆ