‘กกต.’ เผย เลือกตั้งเทศบาล มี352คำร้อง ขู่ ฟันซื้อสิทธิ์ขายเสียง

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึง เลือกตั้งท้องถิ่น ระดับเทศบาลทั่วประเทศ ว่า จากที่ให้ข้อมูลเมื่อ 10พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าคำร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งมีทั้งหมด 338 เรื่อง ขณะนี้มีรายงานเพิ่มเติมอีก 14 เรื่อง รวมเป็น 352 เรื่องแล้ว แต่ในการเลือกตั้งครั้งก่อนมีมากถึง 1,743 เรื่อง ซึ่ง กกต.ไม่ต้องการให้เพิ่มขึ้น และพยายามทุกวิถีทางในการป้องกันป้องปราม ปลูกฝังค่านิยมอย่าซื้อสิทธิ์ขายเสียง อย่างไรก็ตาม ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน บางจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธร ร่วมมือกับ กกต. รวมถึงกำลังทหารสนธิกำลังตั้งด่านตรวจเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งได้รับความร่วมมือมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายใกล้วันเลือกตั้ง สถานการณ์ปกติดี ไม่มีข่าวการซื้อเสียงมาก เพราะยังอยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐาน หากปรากฏพยานหลักฐานในภายหลังก็จะมีการฟ้องร้องคดีต่อไป 

นายอิทธิพร กล่าวว่า ยืนยันไม่ต้องการให้มีการซื้อสิทธิ์ในทุกระดับการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งท้องถิ่นมีความสำคัญ เพราะเป็นหลักฐานของการเมือง ประเทศจะเจริญได้เพราะท้องถิ่นเข้มแข็ง ขอให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่าฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งกรณีการรับเงินถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย ผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ นอกจากรับโทษทางอาญาแล้วยังต้องรับโทษทางการเมือง ไม่คุ้มกับการเสี่ยง

นายอิทธิพร กล่าวอีกว่า มีหนังสือแจ้งไปยัง กกต.จังหวัด ให้ตรวจสอบสภาพภูมิอากาศ เพราะบางครั้งอาจอยู่ในช่วงฤดูฝน มรสุมเข้า ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการดูแลสถานที่เลือกตั้ง เอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยในพื้นที่วันนี้เตรียมพร้อมรองรับทุกสถานการณ์ไว้แล้ว และตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในภาพรวมทั่วประเทศร้อยละ 70 อ้างอิงตัวเลขการใช้สิทธิ์ ปี64 อยู่ที่ร้อยละ 66.8 หวังว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งท้องถิ่นเป็นอย่างยิ่ง เพราะใกล้ตัวมากที่สุดกว่าการเลือกตั้ง สส. ในแง่ที่ว่าท้องถิ่นเป็นผู้จัดการทุกอย่าง

นายอิทธิพร กล่าวว่า หากต้องการสร้างสรรค์ประเทศไทยต้องพร้อมใจไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งผลการเลือกตั้งในวันนี้ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ เช่นกรณีที่ผู้สมัครเพียงหนึ่งคน เชื่อว่าไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็จะรู้ผลการนับคะแนนผ่านหน่วย คาดว่าจะรู้ผลอย่างเร็ว 20.00 น. อย่างช้าไม่น่าเกิน 22.00 น. โดยประชาชนสามารถติดตามการรายงานผลผ่านเฟซบุ๊กของเทศบาลแต่ละแห่ง หรือแอพพลิเคชั่นสมาร์ทโหวต