'อนุรักษ์' ตรึง 'ทักษิณ' ก้าวย่างติดกับดัก - ขยับติดหล่ม

'อนุรักษ์' ตรึง 'ทักษิณ' ก้าวย่างติดกับดัก - ขยับติดหล่ม

เกมขึง "ทักษิณ" เป็นหมากที่ "เครือข่ายอนุรักษ์" เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง หาก "ตระกูลชินวัตร" คิดเบี้ยว "ดีลลับ" ทุกเครื่องมือทางอำนาจจะพุ่งเล่นงาน

KEY

POINTS

  • บ่วงผูกขา "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้มีอิสระในการเดินเกมทางการเมือง ถูกออกแบบมาอย่างดี
  • คดี ม.112 ทำให้ เจ้าตัวขยับเกมลำบาก เพราะติดเงื่อนไขศาลในการประกันตัว และต้องระมัดระวังในทุกย่างก้าว
  • "ทักษิณ" ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร 5 ครั้ง "ศาลอนุญาต" 2 ครั้ง "ศาลไม่อนุญาต" 3 ครั้ง แน่นอนว่า "ทักษิณ" ต้องขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรอีกหลายครั้ง

บ่วงผูกขา "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้มีอิสระในการเดินเกมการเมือง ถูกออกแบบมาอย่างดี หากจำกันก่อนที่เขาจะพ้นโทษเพียงไม่กี่วํน มีการแจ้งข้อหาคดี ม.112 

หลังจากนั้นอัยการสั่งฟ้อง "ทักษิณ" คดี ม.112 ช่วงกลางเดือน พ.ค. 2567 ก่อนที่ศาลจะให้ประกันตัวออกมาสู้คดี พร้อมวางเงื่อนไขให้ขยับยาก โดยเฉพาะการห้ามออกนอกราชอาณาจักร ทำให้เขาต้องขออนุญาตทุกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ “ทักษิณ” เคยขออนุญาตต่อ “ศาล” เพื่อเดินทางออกนอกประเทศมาแล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2568 “ศาลไม่อนุญาต” โดย “ทักษิณ” ขอเดินทางไปประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เพื่อรักษาตัว โดยศาลอาญาได้ไต่สวนพยานแล้วมีคำสั่งในทางไต่สวนสรุปได้ว่า ภายหลังจำเลย ที่ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณา และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร 
 

ทว่า "ทักษิณ" มีความประสงค์เดินทางออกนอกราชอาณาจักร ไปพำนักอยู่ระหว่างวันที่ 1-16 ส.ค.2567 เพื่อพบแพทย์ซึ่งเคยตรวจรักษาอาการป่วยของจำเลยเกี่ยวกับปอดอักเสบเรื้อรัง ระบบหายใจ และหลอดเลือดหัวใจ เอ็นไหล่ขวาฉีกขาด และหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ในสถานพยาบาล ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 2 และวันที่ 8 ส.ค.2567 

โดยช่วงเวลาที่พำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำเลยยังมีนัดหมายกับบุคคลสำคัญหลายคน เกี่ยวด้วยภารกิจส่วนตัวของจำเลยหลายเรื่อง แต่จำเลยจะเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานซึ่งศาลนัดไว้ในวันที่ 19 ส.ค.2567    

“ศาล” เห็นว่า แม้ "ทักษิณ" อ้างตนเองเป็นพยานเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องเดินทางออกนอกราชอามาจักร โดยมีเอกสารหลักฐานจากแพทย์สนับสนุน และนัดพบบุคคลสำคัญหลายคน โดยช่วงเวลาที่จำเลยพำนักอยู่ ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นช่วงเวลาก่อนกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานก็ตาม แต่อาการป่วยเป็นโรคที่เกิดแก่บุคคลทั่วไป และแพทย์ในประเทศไทยตรวจรักษาเป็นประจำอยู่แล้ว 

การเดินทางไปพบบุคคลสำคัญเป็นเรื่องส่วนตัวของจำเลย ทั้งไม่มีพยานหลักฐานยืนยันชัดแจ้งถึงความจำเป็นดังกล่าว ประกอบกับช่วงระยะเวลาที่เดินทางใกล้กับวันนัดตรวจพยานหลักฐานในชั้นนี้ไม่สมควรอนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรจึงยกคำร้อง 
 

วันที่ 31 ม.ค.2568 “ศาลอนุญาต” ไปมาเลเซีย จากการได้รับคำเชิญจากประธานอาเซียนคนปัจจุบัน อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.2568 โดยศาลอาญาอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ พร้อมวางหลักทรัพย์เป็นหลักประกัน 5 ล้านบาท 

โดยในการไต่สวน “ทักษิณ” ได้อ้างตนเองเป็นพยาน พร้อมนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่เข้าให้การสนับสนุน พร้อมเอกสารยืนยันถึงเหตุผลและความจำเป็นในการเดินทางไปร่วมประชุมที่ประเทศมาเลเซีย

วันที่ 15 ก.พ.2568 “ศาลอนุญาต” ไปประชุมอาเซียนที่บรูไน 18-19 ก.พ.2568 ในฐานะในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน แต่ไม่อนุญาตให้ไปเวียดนามและกัมพูชา สำหรับการขออนุญาตศาลในครั้งนี้ มาจากนายอันวาร์  อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน มีหนังสือเชิญ ผ่านสถานทูต ผ่านกระทรวงต่างประเทศ เพื่อเชิญไปหารือต่อเนื่องจากครั้งที่เเล้ว ซึ่งนายทักษิณ ยื่นคำร้องตั้งเเต่วันที่ 13 ก.พ.2568

นอกจากนี้ “ทักษิณ” ได้ยื่นคำร้องขอเดินทางไปยังประเทศ เวียดนาม เเละประเทศกัมพูชาในช่วงเวลาเดียวกัน ระหว่างวันที่ 18-19 ก.พ.2568 เเต่ศาลอาญายกคำร้อง “ไม่อนุญาต” ให้ไป 

โดยสาเหตุที่นายทักษิณ ขอไปเวียดนามเป็นคำเชิญจากนักธุรกิจซึ่งมีตำเเหน่งเป็นที่ปรึกษาหน่วยงานรัฐของเวียดนาม โดยระบุว่าเป็นการเชิญไปพูดคุยด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเเละด้านเศรษฐกิจ เเต่เป็นการเชิญส่วนตัวไม่ใช่นามรัฐบาล ส่วนของกัมพูชาเป็นคำเชิญจาก สมเด็จฮุน เซน เเต่เป็นในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามรัฐบาลกัมพูชาเช่นกัน

วันที่ 6 มี.ค.2568 “ศาลไม่อนุญาต” ไปประชุมอาเซียนที่อินโดนีเซีย เนื่องจากยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ โดยศาลอาญามีคำสั่งยกคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรของนายทักษิณ โดยให้เหตุว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะอนุญาตให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ ภายหลังคำร้องขออนุญาตออกนอกราชอาณาจักรในครั้งนี้ เป็นการขออนุญาตไปประชุมอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซียในวันที่ 7 มี.ค.2568 โดยมีหนังสือเชิญจากประธานาธิบดีประเทศอินโดนีเซีย

ล่าสุดวันที่ 8 พ.ค.2568 "ศาลไม่อนุญาต” ไปกาตาร์ โดยศาลอาญาเห็นว่า มีคำสั่งให้ยกคำร้อง เนื่องจากศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์จากสำนักบริหารผู้รับเชิญ พระราชวังลูเซล ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศกาตาร์ จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ.ทรัมป์ อันมีลักษณะเป็นหนังสือเชิญส่วนตัว มิได้เชิญจำเลยในฐานะที่ปรึกษาของนายกฯมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนประจำปี 2568

ขณะเดียวกันยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการที่แน่ชัด เพียงแต่คาดหมายว่า หากประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ.ทรัมป์มางานเลี้ยงดังกล่าว จำเลยจะมีโอกาสพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ.ทรัมป์ และทีมเศรษฐกิจเท่านั้น

ประกอบกับช่วงที่ขอเดินทางไปอยู่ใกล้วันนัดพิจารณาคดีที่ศาลฎีกา ซึ่งอดีตนายกฯยังเป็นจำเลยที่ถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และคดีนี้อาจกระทบต่อกระบวนพิจารณาของศาลได้ กรณียังไม่มีเหตุผลอันจำเป็นที่หนักแน่นเพียงพอ ที่จะให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร จึงไม่อนุญาต

รวมแล้ว "ทักษิณ" ขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร 5 ครั้ง "ศาลอนุญาต" 2 ครั้ง "ศาลไม่อนุญาต" 3 ครั้ง แน่นอนว่า "ทักษิณ" ต้องขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกราชอาณาจักรอีกหลายครั้ง

เกมขึง "ทักษิณ" เป็นหมากที่ "เครือข่ายอนุรักษ์" เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมือง หาก "ตระกูลชินวัตร" คิดเบี้ยว "ดีลลับ" ทุกเครื่องมือทางอำนาจ จะระดมซัดเข้าใส่ไล่ต้อนเข้ามุมอับทันที

"เครือข่ายอนุรักษ์" จำใจ-จำเป็น ต้องใช้บริการของ "ทักษิณ" เพื่อสู้กับเครื่องจักรสีส้ม แต่ไม่เคยไว้ใจแม้แต่ย่างก้าวเดียว ฉากรบ-ฉากรัก จึงจะมีให้เห็นอีกหลายครั้ง