กกต. พร้อมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ พบร้องเรียน 338 เรื่อง

กกต. พร้อมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ พบร้องเรียน 338 เรื่อง

กกต. ประกาศความพร้อมเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ เผยพบเรื่องร้องเรียนแล้ว 338 เรื่อง เตือนอย่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยเฉพาะผู้สมัคร อย่าแชร์โพสไลน์ หลัง 6 โมงเย็นวันนี้

เมื่อเวลา 10.30 น.  วันที่ 10 พ.ค. 68 ที่ลานเอนกประสงค์ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.ท.ระพีพงษ์ จิรพัฒนาลักษณ์   รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงข่าวความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.68) เวลา 08.00-17.00 น. 
เป็นเวลา 9 ชั่วโมง โดยจำนวนเทศบาลที่ประกาศให้มีการเลือกตั้ง จำนวน 2,463 แห่ง แบ่งเป็น เทศบาลนคร 33 แห่ง เทศบาลเมือง 213 แห่ง และเทศบาลตำบล 2,217 แห่ง 

กรณีที่เลือกเฉพาะนายกเทศมนตรี 2,128 แห่ง มีผู้สมัคร 4,558 คน เป็นสัดส่วน 2ต่อ1 ส่วนสมาชิกสภาเทศบาลจะมีการเลือกตั้งทั้งหมด 2,462 แห่ง สามารถเลือกสมาชิกได้เขตละ 6 คน โดยจะได้สมาชิกสภาเทศบาลทั้งหมด 33,346 คน จากผู้สมัคร 60,515 คน สัดส่วน 2ต่อ1 เช่นกัน

พ.ต.ท.ระพีพงษ์  กล่าวต่อไปว่าเทศบาลที่เลือกนายกเทศมนตรีอย่างเดียวเนื่องจากสมาชิกสภาเทศบาลยุบสภาไปก่อนหน้านี้  มีจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ เทศบาลตำบลน้ำยืน อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ส่วนเทศบาลที่เลือกตั้งสมาชิกเทศบาลอย่างเดียว เนื่องจากนายกเทศมนตรีพ้นวาระด้วยเหตุอื่น จำนวน 335 แห่ง

ขณะนี้เทศบาลทุกแห่งได้ดำเนินการรับมอบวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้ง ให้กับกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดย กปน. และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย จะนำวัสดุอุปกรณ์ไปเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย และจะต้องจัดเตรียมสถานที่เลือกตั้งให้พร้อมด้วย

สำหรับข้อพึงระวังของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ห้ามหาเสียงก่อนวันเลือกตั้งและวันเลือกตั้ง ระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค.68 ถึง 00.00 น.ของวันที่ 11 พฤษภาคม 2568 โดยเฉพาะทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การแชร์โพสต์ การส่งไลน์ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวผู้มีสิทธิไม่ให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

ห้ามมิให้นายจ้างหรือผู้บังคับบัญชาขัดขวางลูกจ้างหรือผู้ใต้บังคับบัญชาไปใช้สิทธิ  มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามขายหรือจะจ่ายสุราในเวลาเลือกตั้ง ระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. 68 ถึง 18.00 น.ของวันที่ 11 พ.ค.68 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ห้ามผู้สมัครจัดยานพาหนะ นำหรือส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไป-กลับหน่วยเลือกตั้งโดยไม่คิดค่าโดยสาร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1–10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ห้ามเล่นหรือจัดให้การพนันเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง  โทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000 -100,000 บาท หรือทั้งจับทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี หากเป็นผู้สมัคร โทษจำคุก 1-10 ปีปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

พ.ต.ท.ระพีพงษ์ กล่าวว่า สำหรับรายงานเรื่องร้องเรียนนับตั้งแต่วันที่มีการประกาศให้จัดการเลือกตั้งจนถึงวันที่ 9 พ.ค.2568 มีรายงานเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งหมดจำนวน 338 เรื่อง แบ่งเป็นคำร้องเรียน 335 เรื่อง และความปรากฏอีก 3 ขณะนี้พิจารณาแล้วเสร็จไปแล้ว 7 เรื่อง ที่เหลือยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของทางจังหวัด ส่วนรายละเอียดของเรื่องที่ร้องเรียนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการจำแนกจากฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนเข้ามาว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ก็มีเรื่องร้องเรียนการซื้อสิทธิ์ ขายเสียงอยู่ในนั้นด้วย

เมื่อถามถึงพื้นที่ที่ต้องมีการจับตาเป็นพิเศษ พ.ต.ท.ระพีพงษ์ กล่าวว่า  พื้นที่ที่เราจับตาเป็นพิเศษก็คือพื้นที่ทีมีการแข่งขันทางการเมืองสูง เทศบาลนครใหญ่ๆ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา พัทยา ได้มีการตั้งด่านตรวจสอบตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 9 พ.ค.แล้ว นอกจากนี้ยังได้ให้ทุหน่วยเตรียมความพร้อมสถานที่รองรับเหตุที่อาจจะทำให้ไม่สามารถจัดลงคะแนนเลือกตั้งได้ เพราะตอนนี้เข้าใจว่าหลายพื้นที่มีฝนตก พายุเข้า