มติ 'แพทยสภา' เกมบีบ 'สมศักดิ์' เลือกป้อง'นาย'-เลือกป้อง'หมอ'

มติ 'แพทยสภา' เกมบีบ 'สมศักดิ์' เลือกป้อง'นาย'-เลือกป้อง'หมอ'

เกมบีบ “สมศักดิ์” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากไม่เห็นแย้งมติ "แพทยสภา" เก้าอี้รัฐมนตรีอาจจะสั่นคลอน แต่หากเห็นแย้ง เตรียมเปิดศึกกับบุคลากร "กระทรวงหมอ"

KEY

POINTS

  • การเมืองร้อนฉ่า หลังมติ “บอร์ดแพทยสภา” เสียงส่วนใหญ่สั่งฟัน “3 แพทย์” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำตัวและรักษาตัวของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
  • วัดใจ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" ที่จะพิจารณาเห็นแย้งมติดังกล่าวหรือไม่ หากเห็นแย้งจะต้องโหวตกันใหม่ โดยใช้เสียง 2 ใน 3
  • ทางสองแพร่ง "สมศักดิ์" จะเลือกปกป้อง "นาย" หรือจะเลือกปกป้อง "องค์กรหมอ"

การเมืองร้อนฉ่า หลังมติ “บอร์ดแพทยสภา” เสียงส่วนใหญ่สั่งฟัน “3 แพทย์” ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำตัวและรักษาตัวของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอไต่สวนเองคดี “ทักษิณ ป่วยทิพย์” สั่งการให้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ส่งเอกสารชี้แจงภายใน 30 วัน โดย “ศาล” มีคำสั่งให้นัดพร้อมหรือนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.

มติ “บอร์ดแพทยสภา” สั่งฟัน “3 แพทย์” จึงถูกผูกปมให้เกี่ยวโยงกับการไต่สวนของ “ศาล” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ในทางปฏิบัติยังมีอีกหลายขั้นตอน

“ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา” อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงผลการประชุมบอร์ดแพทยสภาวาระการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม

ผลการลงมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน ให้ว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่าน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

โดย “1 แพทย์” ที่ว่ากล่าวตักเตือนเป็นความผิดที่ไม่ได้รุนแรงเนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องการออกใบส่งตัว ส่วนอีก “2 แพทย์” เป็นเรื่องการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า “บอกได้แค่ว่าด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับไม่ได้ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า มีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นตามที่มีการแถลงข่าว อยู่ที่การตีความ”

“เราไม่สามารถบอกว่าต้องพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าไหร่ อยู่ที่ความเห็นชอบของสภานายกพิเศษ หากเราให้ข้อมูลไปก่อนแล้วไม่ตรงกัน หรือมีความเห็นอย่างอื่น ต้องรอให้จบทุกขั้นตอนจึงจะบอกได้ว่าต้องพักใช้ใบประกอบวิชาชีพนานเท่าไหร่”

สำหรับขั้นหลังจากนี้ “บอร์ดแพทยสภา” จะนำมติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ ภายในระยะเวลา 15 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นตามมติคณะกรรมการแพทยสภา หรือมีความเห็นแย้งหรือไม่

หากมีความเห็นชอบตามมติที่ประชุมก็ลงนามรับรอง แต่หากมีความเห็นแย้งก็ส่งกลับเข้าที่ประชุม บอร์ดแพทยสภาอีกครั้ง เพื่อพิจารณา ซึ่งหากที่ประชุม เห็นว่าคำแย้งฟังไม่ขึ้นก็สามารถลงมติยืนยันตามมติเดิมได้ โดยใช้เสียง 2 ใน 3 หรือหากเห็นว่าคำแย้งมีเหตุผลฟังขึ้น ก็จะมีการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป โดยใช้เสียง 1 ใน 3

ทั้งนี้ “บอร์ดแพทยสภา” วาระ พ.ศ.2568 - 2570 จำนวน 71 คน มี รมว.สาธารณสุข เป็นสภานายกพิเศษ แยกเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วยคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ กระทรวงสาธารณสุข และผู้แทนนายแพทย์ใหญ่  โรงพยาบาลสี่เหล่าทัพ คือ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ จำนวน 35 คน และกรรมการจากการเลือกตั้ง 35 คน

อย่างไรก็ตามมติบอร์ดแพทยสภาสั่งฟัน “3 แพทย์” ใช้เสียง 1 ใน 3 (24 เสียง จาก 71 เสียง) แต่ยังไม่มีตัวเลขมติอย่างเป็นทางการ โดย “ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์” ตอบคำถามมติดังกล่าวเป็นเอกฉันท์หรือไม่ ว่า “มติที่ออกมาเป็นเสียงส่วนใหญ่มากๆ”

ทำให้เกมสงคราม “กระทรวงหมอ” ยังไม่รูดม่านเสียทีเดียว เพราะหาก “สมศักดิ์” เห็นแย้ง จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 (48 เสียง จาก 71 เสียง) ดังนั้นต้องดูไส้ในของรายงานมติแพทยสภาส่งตรงถึง “สมศักดิ์” จะพ่วงจำนวนเสียงมติไปด้วยหรือไม่

ว่ากันว่ามีการคุมเกมให้มีความคลุมเครือของลักษณะความผิดของ “3 แพทย์” ส่งเผือกร้อนให้ “สมศักดิ์ - ฝ่ายการเมือง” พิจารณาตามรายงานของ แพทยสภา

เกมบีบ “สมศักดิ์” กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หากไม่เห็นแย้งมติ "แพทยสภา" เก้าอี้รัฐมนตรีอาจจะสั่นคลอน แต่หากเห็นแย้งมติดังกล่าว เตรียมเปิดศึกกับบุคลากร "กระทรวงหมอ" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางสองแพร่ง "สมศักดิ์ เทพสุทิน" จะเลือกปกป้อง "นาย" หรือจะเลือกปกป้อง "องค์กรหมอ"