'ภาคประชาชน' ยื่น 'ปชน.' สอบงบสภาฯ ไร้โครงการเพื่อความปลอดภัย

ที่รัฐสภา นายวสวัตติ์ กฤษศิริธีรภาคย์ อดีตนายกสมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร  ยื่นหนังสือทวงถามการแก้ไขอาคารรัฐสภา ต่อนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และขอให้ติดตามความบกพร่องด้านความปลอดภัยในอาคาร โดยมี น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ รองโฆษกพรรคประชาชน เป็นผู้รับแทน

นายวสวัตติ์ กล่าวว่า ในการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ไม่มี 191 รายการ รวม 8 หมวด ที่เป็นรายการด้านความปลอดภัย ทั้งที่อาคารรัฐสภาควรเป็นต้นแบบด้านความปลอดภัยของประเทศ ทั้งนี้ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ถล่ม จึงได้มายื่นหนังสือเพื่อให้พิจารณางบประมาณ ถ้าปรับปรุงอาคารต้องเอาประเด็นเหล่านี้เข้าไปอยู่ในงบ ทั้งนี้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตนได้มาตรวจสอบอาคาร มีหลายส่วนไม่ได้แก้ไข

นายวสวัตติ์ กล่าวถึงการปรับปรุงศาลาแก้วว่า อาคารแห่งนี้อยู่ในสัญญา Net Zero เรื่องการปลดปล่อยคาร์บอน ถ้าปรับปรุงศาลาแก้วโดยติดตั้งเครื่องปรับอากาศจะต้องใช้ป่าในการปลูกทดแทนและดูดซับปริมาณคาร์บอนที่เสียไปจำนวนมาก หากมีคนต่างชาติมา จะตอบได้อย่างไรว่าเป็น Net Zero และก่อนมายื่นหนังสือ ตนได้ไปวัดค่าความร้อนที่ศาลาแก้วด้วยเครื่องเทอร์โมพอยต์ พบว่าค่าความร้อนพุ่งถึง 45-60 องศา

ด้าน น.ส.ภคมน กล่าวว่า วันนี้ผู้เกี่ยวข้องจะต้องพูดคุยให้เห็นตรงกันก่อนว่าเป้าหมายยังคงจะพัฒนาอาคารแห่งนี้เป็น Green Parliament หรือไม่ ภายหลังจากการสำรวจด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว ส่งผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อมมากมาย รวมถึงการตั้งงบประมาณที่สวนทางกับคำว่า Green Parliament ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ควรฟังเสียงสังคมและดูข้อกังวลของประชาชนที่เป็นเจ้าของภาษีว่าจะชะลอการใช้งบที่ไม่สมเหตุสมผลมากน้อยแค่ไหน

เมื่อถามถึงข้อถกเถียงเรื่องส่วนที่ปรับปรุงควรอยู่ในตอนรับมอบแล้วหรือไม่ น.ส.ภคมน กล่าวว่า อยากให้นำรายงานก่อนมีการส่งมอบและรายงานที่ส่งมอบแล้วมาเปิดดูว่าสอดคล้องมากน้อยแค่ไหน เพราะข้อถกเถียงเรื่องสภามีมานานแล้ว ต้องมีหลักฐานชัดเจน จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องเอาเอกสารมากาง เอาข้อกังวลมากาง มาคุยกันด้วยหลักวิทยาศาสตร์ 

เมื่อถามว่าหัวหน้าผู้ออกแบบอาคารรัฐสภาระบุในทำนองว่าแบบที่สร้างมากับการใช้งานจริงไม่ตรงกัน เช่น สระมรกต ต้องมีระบบน้ำแบบสระว่ายน้ำ น.ส.ภคมน กล่าวว่า สะท้อนว่าผิดฝาผิดตัว ในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เมื่อมีการถามเรื่องปัจจุบัน คนที่มาชี้แจงก็บอกว่าไม่ได้รับผิดชอบตั้งแต่ต้น เป็นการแบ่งรับแบ่งสู้กัน วันนี้ต่อให้จะอยู่ตั้งแต่ต้นหรืออยู่ตอนนี้ คนที่รับผิดชอบสูงสุดคือประธานสภาฯควรออกมารับผิดชอบ ไม่มีเหตุผลอะไรจะมีน้ำหนักเท่าเอาเอกสารมากาง แล้วดูไปทีละข้อว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะแม้แต่การขอแบบเริ่มต้นของรัฐสภายังทำได้ยาก.