'สภาฯ' โบ้ย 'รองปธ.สว.-กมธ.กิจการสภา' ชงทำที่จอดรถ-โรงหนัง4D

กมธ.การเมือง จี้ สภาฯ ยุติของบรีโนเวตพื้นที่ พันล้านบาท หวังเรียกศรัทธา "เลขาฯ" บอกยังทำไม่ได้ พร้อมแจงคนตั้งต้นโครงการ มาจาก "ฝ่ายการเมือง"
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ ที่มี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. โดยตรวจสอบการเสนอของบประมาณเพื่อปรับปรุงพื้นที่รัฐสภา ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 หลายโครงการ มูลค่าเกือบพันล้านบาท โดย ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ นำหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบการเสนอโครงการเพื่อรับงบประมาณ เข้าชี้แจงถึงรายละเอียด นอกจากนั้นพบด้วยว่ามี นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง และ กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่เข้าร่วมประชุม นายสุนทร พฤกษพิพัฒน์ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. ได้ตั้งต้นซักถามต่อประเด็นการจ้างออกแบบก่อสร้างอาคารที่จอดรถรัฐสภา ตามแนวถนนสามเสน ซึ่งพบประกาศของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ แจ้งถึงการประกาศผู้ชนะการเสนอราคา จ้างออกแบบ คือ กิจการค้าร่วม กลุ่มบริษัท AGCC วงเงิน 104 ล้านบาท ลงวันที่ 25 มี.ค.2568 ทั้งนี้พบด้วยการการก่อสร้างอาคารดังกล่าว ได้เตรียมจัดทำห้องไว้เพื่อประธานสภาฯและรองประธานสภาฯ รวมอยู่ด้วย
สภาฯ แจงยังไม่เซ็นจ้าง "บ.ออกแบบสร้างที่จอดรถ" เหตุมีผู้อุทธรณ์
ทั้งนี้ตัวแทนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชี้แจงว่า หลังจากที่ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาจ้างออกแบบแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงนามจ้าง เนื่องจาก 2 บริษัทที่เข้าร่วมเสนอราคานั้นอุทธรณ์ จึงทำให้ต้องตรวจสอบรายละเอียด
ผอ.รปภ. แจงอาคารจอดรถอยู่ใต้ดิน มีห้องทำงาน500คน
ขณะที่ นายอรุณ ลายผ่องแผ้ว ผู้อำนวยการสำนักรักษาความปลอดภัย สำนักงานเลขาธิการ สภาฯ ชี้แจงว่า การเสนอโครงการดังกล่าวเป็นเพราะเรื่องปัญหาที่จอดรถ รวมถึงกรณีที่สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เตรียมจะมีสำนักอาคารสถานที่ ทำให้ต้องพิจารณาถึงห้องทำงาน เพราะปัจจุบันห้องทำงานที่มีอยู่ไม่สะดวก ดังนั้นจึงออกแบบพื้นที่เพื่อให้รองรับเจ้าหน้าที่ จำนวน 500 คน และยืนยันว่าไม่มีการทำห้องไว้สำหรับประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ขณะที่ลักษณะอาคารนั้นอยู่ชั้นใต้ดินทั้งหมด
หมออ๋อง แฉ โครงการจอดรถเพิ่มเติม ตั้งต้นมาจาก สว.-พิเชษฐ์ รับลูก
อย่างไรก็ดีในการตั้งคำถามของกมธ. พบว่า นายปดิพัทธ์ ตั้งคำถามว่า กรณีที่ระบุว่าใช้งบเหลือจ่ายเพื่อดำเนินการดังกล่าว จากที่ตนมีประสบการณ์พบว่าการใช้งบส่วนดังกล่าวนำออกมาใช้ยากมาก โดยครั้งหนึ่งเคยมีการเสนอเพื่อซื้อเครื่องกรองน้ำ ติดตั้ง 3 จุด วงเงิน 20,000 บาท ต้องใช้การพิจารณา 2 ปี เพราะใช้วิธีแบบเดียวกับที่จ้างผู้ออกแบบไม่ได้ ดังนั้นกรณีที่เสนอโครงการดังกล่าวเป็นเพราะฝ่ายการเมืองต้องการใช่หรือไม่
“ผมเข้าใจว่าพวกท่านโดนตำหนิ เพราะผู้ติดตามสว.มีจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกกดดัน แต่การใช้วิธีเร่งรัดพิเศษ เป็นสิ่งที่ส่อว่าจะขัดกับระเบียบเรื่องนี้เป็นดำริของประธานสภาฯ หรือนโยบายของใคร ทั้งนี้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งด้วยใช่หรือไม่” นายปดิพัทธ์ ซักถาม
เลขาสภาฯ ป้องพิเชษฐ์ ไม่เกี่ยวว โบ้ย รองประธานวุฒิฯ นั่งหัวโต๊ะ
ทำให้ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ ชี้แจงว่า แม้ว่า ประธานสภาฯ จะเป็นประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณา แต่ได้มอบให้ รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ แต่หากมีประเด็นที่จะมอบหมายให้นายพิเชษฐ์ไปเข้าร่วมประชุมเฉยๆ ทั้งนี้การกำหนดโครงการดังกล่าวเป็นเพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและประเมินปัญหาที่เกิดขึ้น
"พริษฐ์" ขอเอกสาร-ชวเลขประชุมตรวจสอบ
ทั้งนี้ ประธาน กมธ.การพัฒนาการเมือง กล่าวในตอนท้ายของการพิจารณาเรื่องดังกล่าวว่า ว่า การดำเนินการวางแผนต่อเติมนั้นผิดกฎหมายจ รวมถึงการจัดสร้างที่จอดรถชั้นใต้ดินนั้นควรพิจารณาทางเลือกอื่นที่ประหยัด นอกจากนั้น การใช้กระบวนการโอนงบประมาณที่เกิดขึ้นเข้าใจว่าเป็นโครงการที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาทที่สภาฯดำเนินการภายใน 2 ปี ขณะที่การจ้างผู้ออกแบบก่อสร้างแต่ไม่ได้ลงนามสัญญาจ้างเพราะถูกอุทธรณ์ ทางกมธ.ขอให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้จัดส่งเอกสาร ที่เกี่ยวข้องรวมถึงชวเลขของการประชุมคณะกรรมการที่พิจารณา
สภาฯ แจงโครงการ4D ทำผิดฝาผิดตัว บ่นถูกตัดงบซื้อน้ำดื่ม
ต่อจากที่ประชุม ได้ตั้งประเด็นซักถามถึงโครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4มิติ ห้องบรรยายใหญ่ B1และB2 ที่ใช้งบประมาณสูงถึง 180 ล้านบาท โดยกมธ.ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า พร้อมเปรียบเทียบว่าประชาชนที่เข้ามาชมงานรัฐสภาต้องการเจอ สส.ตัวจริงมากกว่าการชมภาพถ่าย หรือในวิดีโอ
ทั้งนี้นายทิตวัจน์ ณรงค์แสง ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานสารนิเทศ สำนักประชาสัมพันธ์ ชี้แจงว่าเป็นการทำโครงการแบบผิดฝาผิดตัว เพราะเรื่องดังกล่าวอยู่ในงานของสารสนเทศ แต่ได้ให้กลุ่มงานโสตทัศณูปกรณ์ดำเนินการ และเมื่อทำโครงการแล้วพบว่าเป็นโครงการพัฒนาระบบ แทนที่ความต้องการที่แท้จริงคือ การทำห้องและปรับปรุงงานสารนิเทศ เพื่อรองรับผู้เยี่ยมชมรัฐสภา อย่างไรก็ดีสำนักงานเสนอโครงการไปทั้งสิ้น 9 โครงการ แต่ได้รับการอนุมัติคำขอ 3 โครงการ รวมงบ 5 ล้านบาท ซึ่งพบว่างบเพื่อจัดซื้อน้ำดื่มถูกตัดลงไปทำให้ไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องแปรญัตติเพิ่มเติม
ย้ำต้องการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ เด็กด้อยโอกาส
“ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กด้อยโอกาส เป็นสส. หรือ ส่งเสริมการปกครองตนเอง ทั้งนี้เงิน 180 ล้านบาทอนาคตอาจแพงกว่านี้ ดังนั้นเมื่อได้เริ่มถือว่าดีเสมอ ซึ่งในรายละเอียดอาจไม่ถึง 180 ล้านบาทก็ได้ แต่เมื่อได้มาแล้วต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน ถ้าสส.เห็นว่าไม่จำเป็น ก็แล้วแต่ท่าน” นายทิตวัจน์ กล่าว
เลขาสภาฯ บอก 4D มาจาก กมธ.กิจการสภาฯ อยากได้เสียงกรี้ด
ทั้งนี้ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวที่ตนทราบมาจากกมธ.กิจการสภาฯ ที่ดูงานที่ กฟภ. ซึ่งมีการฉายภาพยนตร์ 4มิติให้นักเรียนได้ชม ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับทะเล ทำให้นักเรียนที่ได้ชมชื่มชอบ ดังนั้นกมธ.จึงเปรยว่าอยากให้นักเรียนที่มาเยี่ยมชมรัฐสภาประทับใจ กับสำนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งเข้าใจว่าเดิมจะทำให้มีศูนย์การเรียนรู้ แต่พบว่าได้ออกแบบเป็นโรงภาพยนตร์ เข้าใจว่าคงอยากให้นักเรียนมากรี้ดที่สภาฯบ้าง
แจงแนวคิดปรับห้องงบประมาณฯ กมธ.อยากเห็นหน้าคนชี้แจง
นอกจากนั้น กมธ. ได้ซักถามถึงโครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ วงเงิน 118 ล้านบาท และโครงการตบแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธาน ที่ห้องประชุมสุริยัน มูลค่า 133 ล้านบาท โดยนายเจษฎา พรหมย้อย ข้าราชการสำนักรักษาความปลอดภัย สภาฯ ชี้แจงว่า ในส่วนปรับปรุงห้องงบประมาณนั้นเป็นเพราะกรรมาธิการที่ปฏิบัติหน้าที่เสนอความเห็นว่าไม่สะดวกต่อการทำงานเพราะมีจอคอมพิวเตอร์บังหน้าผู้ชี้แจงรวมถึงมีเอกสารประกอบจำนวนมาก ซึ่งได้ให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ออกแบบห้องใหม่โดยต้องยกะดับทำเป็นแบบสโลป เพื่อให้ผู้ชี้แจงและกรรมาธิการได้เห็นหน้าแบบ face to face นอกจากนั้นวงเงินดังกล่าวรวมถึงกาปรับปรุงเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานเป็นเวลานาน
แจงปรับฉากหลังบัลลังก์ปธ. ใช้บรอนด์16ตัน สื่อภาพประชาธิปไตย
นายเจษฏา ชี้แจงด้วยว่าสำหรับการตบแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานนั้นเดิมมีแนวคิดใข้ผ้าแคนวาส และใช้เป็นศิลปะไทย แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยคณะกรรมการ ที่ควรให้เป็นภาพที่มาของประชาธิปไตยตั้งแต่ 2475 และเปลี่ยนวัสดุ เป็นบรอนด์ 16 ตันและปั้นเป็นรูปนูนสูง
ปรับปรุงศาลาแก้ว เพื่อรับรอง-จัดเลี้ยงผู้นำต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ากมธ. ยังได้ซักถามถึงโครงการปรับปรุงศาลาแก้ว วงเงิน 123 ล้านบาท โดยนายพริษฐ์ขอให้ชี้แจงว่าการปรับปรุงศาลาแก้วจะส่งเสริมในประเด็นการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐอย่างไร รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างไร ขณะที่การสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เอื้อต่อการตัดสินใจและการประชุมที่มีประสิทธิภาพอย่างไร รวมไปถึงสนองต่อความต้องการของประชาชน และพัฒนาภาครัฐให้ทันสมัยมีประสิทธิภาพ
โดยนายเจษฎา ชี้แจงว่าการปรับปรุงดังกล่าวมีคณะกรรมการพิจารณา โดยยวัตรถุประสงค์เพื่อปรับปรุงพื้นที่ต่อเนื่องกับฐานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 7 และบริเวณด้านหน้ารัฐสภาทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อใช้ต้อนรับผู้นำต่างประเทศที่มาเยี่ยมเยียนรัฐสภา รวมถึงประชาชนทั่วไป ทั้งนี้การปรับปรุงศาลาแก้ว จะทำทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อใช้ในพิธีการต่างๆ ใช้จัดเลี้ยง เป็นต้น
“คอนเซปเดิมก็เป็นศาลาและเป็นอาคารเรือนชานลักษณะการนั่งกับพื้น ไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้ ซึ่งสามารถเข้ามาใช้บริเวณตัวศาลาในการนั่งพักผ่อนและประชาชนสามารถเข้ามาใช้งานได้ ทั้งนี้การติดแอร์ จะใช่การติดตั้งถาวร นอกจากนั้นจะมีการติดตั้งผ้าใบที่สามารถกั้นแสงแดดได้ ส่วนของการใช้ศาลาแก้วบ่อยใช้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการใช้พื้นที่ในการทำกิจกรรม และปัจจุบันการรับผู้นำต่างประเทศที่มาเยี่ยมเยียนรัฐสภา 1 เดือน ประมาณ 3-5 ครั้ง”
ปดิพัทธ์ แช่งปรับปรุงก็ไม่ได้ใช้ เพราะใช้ที่รองรับอื่น
ขณะที่นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตรองประธานสภาฯ และเคยได้รับผู้แทนจากต่างประเทศต่างๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสภาฯของเราฟุ่มเฟือย ใหญ่เกินไป ซึ่งตนคิดว่าโครงการนี้เป็นเพียงแค่หนึ่งตัวอย่างในปีหน้าก็อาจจะมีอีก แต่การตกแต่งสภาอาจจะไม่มีวันสิ้นสุด หากเราคิดว่าการตกแต่งพวกนี้จะส่งเสริมภารกิจของสภา ซึ่งความจริงภารกิจของสภาคือประสิทธิภาพของการพิจารณากฎหมาย
“มองว่าร้อยล้านหากเทียบกับโครงการอีกหลายร้อยล้าน อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กสำหรับหน่วยงานราชการ แต่ถ้ามองสะท้อนไปในบริบทประเทศ ตนคิดว่าเรื่องนี้ ผ่านไปท่ามกลางความสาปแช่งของคนในประเทศแน่นอน และตนรับประกันว่าจะไม่ได้ใช้งาน เพราะที่รับรองของเรามีอยู่แล้ว” นายปดิพัทธ์ กล่าว
กมธ.จี้ "เลขาสภาฯ" พูดให้ยุติเสนอคำขอ หวังเรียกความเชื่อมั่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในตอนท้ายการประชุม นายพริษฐ์ กล่าวว่ากรณีที่หน่วยงานเสนอของบประมาณ และบอกให้ไปตัดในชั้นกรรมาธิการ ตนไม่สามารถยอมรับในบรรทัดฐานดังกล่าวได้ ดังนั้นเมื่อสังคมตั้งคำถามเรื่องดังกล่าว ควรพิจารณาทบทวน ว่าไม่ควรเสนออะไรฟุ่มเฟือย และเป็นโครงการที่แก้ปัญหาให้ประชาชนได้จริง
“ผมขอคำยืนยันจากหน่วยงานว่าจะยุติการเสนอของบประมาณในโครงการต่างๆ หรือไม่ แม้เรื่องดังกล่าวจะไม่ใช่ผลลัพท์ทางกฎหมาย แต่จะมีประโยชน์เพื่อให้กรรมาธิการวิสามัญตัดงบง่ายขึ้น เพราะหน่วยงานเปลี่ยนใจว่าไม่จำเป็น และแม้ว่าจะให้กรรมาธิการวิสามัญตัดในการพิจารณางบประมาณ แต่อาจเกิดกรณีซ้ำกับการใช้เงินร้อยล้านบาทเพื่อจ้างออกแบบ ทั้งที่โครงการหลักยังไม่อนุมัติ และหากหน่วยงานต้นทางเห็นด้วยกับการยุติโครงการ เชื่อว่าจะเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้” นายพริษฐ์ กล่าว
เลขาฯ ยังไม่บอกจะยุติ ขอหารือ หน่วยงาน-ปธ.สภาฯก่อน
ทางด้าน เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า โครงการที่เสนอของบประมาณ นั้นเป็นกระบวนการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เสนอตามคำของบประมาณ ซึ่งต้องผ่านการรับฟังความเห็น หากให้ตนพิจารณาจะเป็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะกระบวนการไม่ได้เริ่มที่ตน ดังนั้นเบื้องต้นตนจะหารือกับหน่วยงานเจ้าของโครงการ รวมถึงประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ







