‘ภูมิธรรม’ แจง ศาลฯ แล้ว สอบฮั้ว ‘สว.’ ทำตาม กม. แนะ อย่าขวาง DSI ทำงาน

“ภูมิธรรม” แจง “ศาลรธน.” แล้ว หลัง สว.ยื่นสอย เซ่นสอบฮั้ว ยัน ทำตาม กม. ปัด สงครามตัวแทน แดง-น้ำเงิน ต้องดูถูกผิด อย่าขวาง DSI
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของกลุ่มสว. ตามที่ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี สิ้นสุดลงหรือไม่ จากประเด็นตรวจสอบการเลือกสว. เป็นคดีพิเศษ แทรกแซงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ได้ส่งคำชี้แจงแล้วหรือไม่ว่า ได้พูดในสิ่งที่เป็นจริง ยืนยันตามสิ่งที่ได้กระทำไป ทั้งนี้ตนเข้าไปในเรื่องนี้ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ มีการเรียกประชุมและมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในที่ประชุม จึงได้ทบทวน และให้รับข้อโต้แย้งมาพิจารณา ว่าหากคดีเรื่องฮั้ว สว. มีการซ้อนกัน ก็ควรจะแยกคดี ต่างคนต่างทำ และหลังจากนั้น ตนก็ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ก็เท่านั้นเอง ทำในส่วนอำนาจหน้าที่ของตน ทั้งนี้ หากศาลจะไต่สวน ตนก็พร้อมไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งวันนัด ซึ่งตนมีความบริสุทธิ์ใจ ปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็ดำเนินการไป และไม่เชื่อว่ากระบวนการที่ตนดำเนินการไปจะเป็นปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ถ้าคิดว่าเนื้อหาที่ตนทำไป มีปัญหา ศาลฯ ก็คงวินิจฉัยและพิจารณา
เมื่อถามว่า ศาลฯ มีการเรียกหลักฐานเพิ่มเติมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีอะไร ตนก็แสดงในสิ่งที่เป็นวาระการประชุม และพูดถึงเจตนารมณ์ รวมถึงสิทธิหน้าที่ ไม่ได้ทำโดยพลการ
เมื่อถามว่า กรณีสว. ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายภูมิธรรม รวมถึงคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีการเชิญไปชี้แจงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มีเลย แต่ถ้ามีข้อสงสัยในทางกฎหมาย หากเรียกมาตนก็ยินดีไปเจออยู่แล้ว
นายภูมิธรรม ตอบคำถามถึงข้อสังเกตเรื่องคดีฮั้ว สว. ถูกมองเป็นสงครามตัวแทนระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน นั้น ไม่ได้คำนึงว่าเป็นแดงหรือน้ำเงิน แต่ต้องดูว่าถูกหรือผิด เพราะเจ้าหน้าที่รัฐมีอำนาจใช้กฎหมายและต้องไปสู้กันในกระบวนการ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ไม่ควรมีอะไรที่ไปขัดขวางหรือกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ต้องใช้อำนาจโดยชอบ ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) มีอำนาจ ตนมองว่าไม่ใช่แดงน้ำเงิน แต่เป็นเรื่องของคนที่ผิดกฎหมาย การดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องจะจบแบบไหน ไม่น่ามีคำถามต่อ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎหมาย อยู่ที่ว่าจบแล้วจบแบบไหน หากจบแล้วมีความผิด มีหลักฐานชัดเจนก็ว่ากันไปตามกฎหมาย หากเรายังไม่สามารถหาหลักฐานได้เพียงพอ ก็เป็นอำนาจตุลาการและศาลพิจารณา