ผ่าเส้นเงิน พัน บิ๊กเนม-พรรคการเมือง กกต.ตั้ง 'คณะ26' สอบฮั้ว สว.

ผ่าเส้นเงิน พัน บิ๊กเนม-พรรคการเมือง กกต.ตั้ง 'คณะ26' สอบฮั้ว สว.

กกต.ตั้ง‘คณะ26’ไต่สวนฮั้ว สว. ผ่าเส้นทางการเงิน พัน “บิ๊กเนม-พรรคการเมือง จับตา กกต.นับหนึ่ง เรียก 60 สว. แจ้งข้อกล่าวหา

KEY

POINTS

  • ปมฮั้วเลือก สว. ยิ่งสาวยิ่งลึก ข้อมูลเชิงลึกจาก ดีเอสไอ พบพัวพันไปถึง “นักการเมือง” ระดับบิ๊กเนม และมีความเชื่อมโยงไปยัง “พรรคการเมือง”
  • โดยในสำนวนพบผู้อยู่เบื้องหลังมหกรรม ฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย นาย น. - นาย ช. - นาย ภ. - นาย ก. - นาย ธ. - นาย จ. – น.ส. น. - นาย ว.
  • “ดีเอสไอ” ได้ส่งข้อมูลการสอบสวนไปยัง กกต. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดย “กกต.” มีเดดไลน์ต้องดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.

ผ่าเส้นเงิน พัน บิ๊กเนม-พรรคการเมือง กกต.ตั้ง \'คณะ26\' สอบฮั้ว สว.

ปมฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ยิ่งสาวยิ่งลึก ข้อมูลเชิงลึกจากการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบพัวพันไปถึง “นักการเมือง” ระดับบิ๊กเนม และมีความเชื่อมโยงไปยัง “พรรคการเมือง”

โดย “ดีเอสไอ” ได้ส่งข้อมูลการสอบสวนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา โดย “กกต.” มีเดดไลน์ต้องดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. เนื่องจากกฎหมายกำหนดกรอบเวลาตรวจสอบการทุจริตการเลือก สว. ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี (เริ่มกระบวนการเลือก สว. เดือน มิ.ย. 2567)

มีกระแสข่าวว่าข้อมูลที่ “ดีเอสไอ” มั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดขบวนการ ฮั้วเลือก สว. คือเส้นทางการเงิน ซึ่งพบความเชื่อมโยงของผู้ร่วมขบวนการหลายคน

โดยในสำนวนพบผู้อยู่เบื้องหลังมหกรรม ฮั้วเลือก สว. ประกอบด้วย นาย น. - นาย ช. - นาย ภ. - นาย ก. - นาย ธ. - นาย จ. – น.ส. น. - นาย ว. ซึ่งทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับ “พรรคการเมือง” และเป็นสัมพันธ์กับพรรคการเมืองเดียวกัน

สำหรับการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ลงรับสมัคร สว. ในหลายพื้นที่ โดยเป็นการโอนเงินมาจากคณะทำงานของ สส. หรือโอนมาจากผู้ช่วย สส. หรือโอนมาจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานของพรรคการเมือง และบางส่วนโอนมาจาก “ข้าราชการ” ในพื้นที่ที่ช่วยลงรับสมัคร สว.

โดยตรวจสอบเส้นทางการเงินย้อนกลับขึ้นไป พบว่ามีการโอนเงินเข้ามาจากบุคคลที่เกี่ยวข้องทางการเมือง และพบเส้นทางการเงินของกลุ่มบุคคลที่รับผิดชอบการเลือก สว. คนละ 3-4 จังหวัด

นอกจากนี้ยังพบเส้นทางการเงินเชื่อมถึงนักการเมือง สส. ทั้งในอดีตและปัจจุบันของ “พรรคการเมือง” ซึ่งพื้นที่หลักอยู่ที่ อ่างทอง อยุธยา บึงกาฬบุรีรัมย์ สตูล และสุราษฎ์ธานี ถูกใช้เป็นจุดศูนย์กลางการจัดการ

ล็อกชื่อ 20 กลุ่ม - กลุ่มละ 6-8 คน

ผลการสอบสวนของ “ดีเอสไอ” ยังระบุอีกว่า สำหรับ 138 สว. และ 2 สว.สำรอง ที่มีชื่อเกี่ยวพันกับการฮั้วเลือก สว. จะถูกล็อกชื่อการเลือกระดับประเทศใน 20 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจะมี 6-7 ชื่อ เข้าไปดำรงตำแหน่ง สว.

โดยกลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง มี 7 คน กลุ่มกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มี 7 คน กลุ่มการศึกษา มี 7 คน กลุ่มการสาธารณสุข มี 7 คน กลุ่มอาชีพทำนา ทำไร่ มี 7 คน กลุ่มอาชีพทำสวน เลี้ยงสัตว์ ประมง มี 8 คน

กลุ่มลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านสิ่งแวดล้อม อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบกิจการ SMEs มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบกิจการอื่น มี 7 คน

กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรืออาชีพด้านการท่องเที่ยว มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอุตสาหกรรม มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบอาชีพด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มี 7 คน กลุ่มสตรี มี 6 คน กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มอัตลักษณ์อื่น มี 7 คน

กลุ่มศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี การแสดงและบันเทิง นักกีฬา มี 7 คน กลุ่มประชาสังคม องค์กรสาธารณประโยชน์ มี 7 คน กลุ่มสื่อสารมวลชน นักเขียน มี 7 คน กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มี 7 คน กลุ่มอื่น ๆ มี 7 คน

200 สว. มาจาก 64 จว.-13จว.ไร้สว.

สำหรับจังหวัดที่มี สว. มี 64 จังหวัด โดย บุรีรัมย์ มี สว.มากที่สุด 14 คน กทม. 9 คน พระนครศรีอยุธยา และสุรินทร์ จังหวัดละ 7 คน สงขลา สตูล และอ่างทอง จังหวัดละ 6 คน นครศรีธรรมราช เลย ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุทัยธานี จังหวัดละ 5 คน โดยทั้ง 12 จังหวัดข้างต้นมี สว. รวมกัน 80 คน คิดเป็น 40% จาก 200 คน

โดยมี 13 จังหวัด ที่ไม่มี สว. แม้แต่คนเดียว ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ตาก นราธิวาส เพชรบูรณ์ มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ร้อยเอ็ด ลพบุรี สกลนคร สระแก้ว อุตรดิตถ์ และอุดรธานี

ปธ.กกต.ปัดข่าวแจ้งข้อกล่าวหา 60 สว.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงสาย วันที่ 7 พ.ค. มีรายงานข่าวว่า กกต. จะทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว. ล็อตแรกจำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77

โดยบุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว.โดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือมาโดยการฮั้ว กระบวนการต่อจากนี้ สว.ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต. เป็นระบบไต่สวน

ฉะนั้นหากเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ก็ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ โดยกกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริตเพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิ สว. ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป

ส่วนกรณีที่ดีเอสไอดำเนินการเรื่องความผิดคดีอาญาอื่น คือ ฐานฟอกเงินและอั้งยี่นั้น สำนวนนี้ดีเอสไอคือหัวเรือหลัก ในการสอบสวนบุคคลที่ร่วมกระทำทุจริต รับเงิน เป็นกลุ่มโหวตเตอร์ พลีชีพ จัดฮั้ว เบื้องต้นมีจำนวนหลายร้อยคน เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น ดีเอสไอต้องสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่ออัยการส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ฐานความผิดอาญานี้ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้ได้ถึง 3 ศาล คือ ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ และศาลฎีกา

อย่างไรก็ตามในช่วงเย็น วันที่ 7 พ.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกมาให้สัมภาษณ์ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าว โดยกล่าวสั้นๆว่า “เรื่องนี้ไม่มีมูล ได้ยินแต่ข่าว”

กกต.สั่งตั้งคณะ26ไต่สวน

ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า กกต.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต. และเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ร่วมกันดำเนินการไต่สวน กรณีมีการกล่าวหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา

ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ซึ่งเป็นขั้นที่ 1 ของการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566

สำหรับกรณีถ้าการดำเนินการไต่สวนแล้วมีมูลหรือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าอาจมี การกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 จะมีการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหาตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 เพื่อให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว

โดยการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ยังอยู่ในขั้นที่ 1 เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะเสนอสำนักงาน กกต. เลขาธิการ กกต. หรือรองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา ตามขั้นที่ 2 ต่อมาขั้นที่ 3 เสนอคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง และขั้นที่ 4 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการ

ดังนั้นข่าวที่ปรากฏ จึงคลาดเคลื่อนจากขั้นตอนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง ( ฉบับที่ 5 ) พ.ศ. 2566