จับตางบฯ รีโนเวต 'รัฐสภา' กล้าขวาง ‘ฮั้ว-เอื้อเอกชน’ ??

จับตางบฯ รีโนเวต 'รัฐสภา' กล้าขวาง ‘ฮั้ว-เอื้อเอกชน’ ??

การเปิดโปง รายการรีโนเวต "รัฐสภา" เฟสแรก มูลค่าเกือบพันล้าน ทำสังคมกังขา ถึงความจำเป็น รวมถึงประเด็นที่ส่อเอื้อเอกชน ที่มีปัญหาร้องเรียนสร้างผิดสเปค

KEY

POINTS

Key Point :

  • การเปิดโปงรายการและวงเงิน เพื่อใช้รีโนเวต "รัฐสภา" จาก กมธ.พัฒนาการเมือง  มูลค่าเกือบพันล้านบาท
  • ทำให้สังคมจับตา และกังขา ต่อการมีนอก-มีใน กับการ "ต่อเติม-ปรับปรุง" ครั้งนี้
  • เพราะที่ผ่านมา โครงการก่อสร้างรัฐสภา นอกจากใช้งบก่อสร้างสูงถึง2หมื่นล้านบาท ยังมีประเด็นการเอื้อให้เอกชน
  • ซึ่งขณะนี้ยังพบว่ามีการยื่นเรื่องให้ ตรวจสอบ การก่อสร้าง ที่ส่อว่า ผิดสเปค อีกหลายรายการ
  • แม้การเปิดโปงรายการของบต่อเติม จะไม่มีผลยับยั้ง การเสนอขอ ตามร่างกฎหมายงบประมาณปี69
  • ทว่า ในขั้นตอนพิจารณา ชั้นกรรมาธิการฯ ยังหวังว่า "สส." จะตัดลด ในรายการที่ไม่จำเป็น
  • ล่าสุดมีการตั้งข้อสังเกตการต่อเติมครั้งนี้ อาจจะเอื้อให้เอกชนเจ้าใหญ่ รายเดิม ที่มีปัญหาคาราคาซังกับ การก่อสร้างผิดสเปค
  • ไม่ต้องมาตามล้าง ตามเช็ดกับสิ่งที่เป็นปัญหา

กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับจ้องทันที เมื่อ “รัฐสภาสองหมื่นล้าน” ของบประมาณ 2569 ล็อตแรกเกือบพันล้านบาทเพื่อ “ปรับปรุง-ต่อเติม” พื้นที่ หลายโครงการ ทั้งที่เพิ่งเปิดใช้งานได้ประมาณ 5 ปีเศษ โดยสำนักงานเลขาธิการสภาฯ เพิ่งลงนามรับมอบโครงการที่สร้างเสร็จ 100% ไปเมื่อ ก.ค.2567 ที่ผ่านมา

ประเด็นงบฯ ร้อนล่าสุดนี้ มีจุดเริ่มต้นจากติดตามของ “คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน” สภาผู้แทนราษฎร ที่มี “พริษฐ์ วัชรสินธุ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน

โดยในการประชุมกรรมาธิการเมื่อ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ตั้งเรื่องตรวจสอบงบประมาณของหน่วยงานที่ทำงานการเมือง ที่ขอจัดสรรงบฯ ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 และสะดุดรายละเอียดของ “สำนักงานเลขาธิการสภาฯ” ที่เสนอของบประมาณ เพื่อปรับปรุงพื้นที่รัฐสภา อย่างน้อย 15 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,773 ล้านบาท

“พริษฐ์” เปิดเผยรายละเอียดใน 2 ส่วนว่า 10 โครงการเสนอขอ และได้รับจัดสรรไว้ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 วงเงินรวม 956 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการก่อสร้างและปรับปรุงพื้นที่พิพิธภัณฑ์รัฐสภา รวมค่าจ้างที่ปรึกษา วงเงิน 44 ล้านบาท

2.โครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4 มิติ ห้องบรรยายใหญ่ B1 และ B2 วงเงิน 180 ล้านบาท

3.โครงการปรับปรุงไฟส่องสว่างเพิ่มเติมห้องประชุมสัมมนาชั้น B1 และ B2 วงเงิน 117 ล้านบาท

4.โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว จำนวน 2 หลัง วงเงิน 123 ล้านบาท

5. โครงการปรับปรุงห้องประชุมงบประมาณ วงเงิน 118 ล้านบาท

6.โครงการปรับปรุงพื้นที่ครัวรัฐสภา วงเงิน 117 ล้านบาท

7.โครงการติดตั้งภาพ และเสียง ห้องจัดเลี้ยง ชั้น B2 วงเงิน 99 ล้านบาท

8.โครงการจัดซื้อจอแอลอีดี ดิสเพลย์ วงเงิน 72 ล้านบาท

จับตางบฯ รีโนเวต 'รัฐสภา' กล้าขวาง ‘ฮั้ว-เอื้อเอกชน’ ??

9. โครงการปรับปรุงพื้นที่ส่วนภูมิทัศน์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ วงเงิน 43 ล้านบาท

10.ปรับปรุงห้องจัดเลี้ยง ชั้น 1 โซน C วงเงิน 43 ล้านบาท

ส่วนอีก 5 โครงการ เป็นเรื่องที่หน่วยงานเสนอขอไปยังสำนักงบประมาณ แต่ยังไม่ได้รับจัดสรรไว้ในปีงบประมาณ 2569 มีวงเงินรวม 1,817 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.โครงการก่อสร้างอาคารจอดรถรัฐสภา เพิ่มเติม โดยรวมค่าควบคุมงานและค่าจ้างที่ปรึกษา วงเงิน 1,529 ล้านบาท

2.โครงการออกแบบและตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ประธานสภาฯ ในห้องประชุมสุริยัน วงเงิน 133 ล้านบาท

จับตางบฯ รีโนเวต 'รัฐสภา' กล้าขวาง ‘ฮั้ว-เอื้อเอกชน’ ??

3.โครงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย วงเงิน 74 ล้านบาท

4. โครงการระบบป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และเสริมสร้างคุณภาพอากาศ วงเงิน 50 ล้านบาท

5.โครงการจ้างงานซ่อมแซมปรับปรุงเสาไม้สัก วงเงิน 31 ล้านบาท

โดยประเด็นที่สังคมตั้งคำถาม คือ มีความจำเป็น และเหมาะสมต่อการเสนอของบประมาณเพื่อปรับปรุง จริงๆ หรือไม่ แม้ว่า ใน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ จะทำหน้าที่ตรวจสอบในชั้นต้น และได้รายละเอียดแต่ละโครงการมาแจ้งต่อสังคม แต่ในการประชุมเมื่อ 1 พ.ค. ยังไม่ได้รับคำชี้แจงที่กระจ่างเพียงพอ

ทำให้ กมธ.ได้ทำหนังสือ จั่วหัวถึงว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาฯ เพื่อให้ส่งหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบแต่ละโครงการ เข้าชี้แจงต่อ กมธ.อีกครั้งในวันที่ 8 พ.ค.

ทว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ “พริษฐ์” ยอมรับว่า คงไม่มีความพยายามยับยั้งการเสนอของบประมาณ เพราะเป็นเรื่องที่เข้าสู่การพิจารณาของสำนักงบประมาณไปแล้ว แต่จากการเปิดข้อมูลและสังคมสนใจ เชื่อว่าจะเป็นประเด็นที่ทำให้ “สส.” ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงเกี่ยวกับการพิจารณารายละเอียดของร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ได้พิจารณาความเหมาะสม และความจำเป็น เพื่อตัด หรือ ปรับลดในส่วนที่ไม่มีความจำเป็น

ในเรื่องนี้ มี สส.สังกัดพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนไม่น้อยมองว่า การของบฯ ต่อเติม บางโครงการนั้นไม่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบันที่เศรษฐกิจติดลบ รวมถึงประเทศยังมีภาระที่ต้องใช้งบประมาณเพื่อแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระบบภาพยนตร์ 4 มิติ ห้องบรรยายใหญ่ B1 และ B2 วงเงิน 180 ล้านบาท และ โครงการปรับปรุงศาลาแก้ว 2 หลัง วงเงิน 123 ล้านบาท

นอกจากนั้น ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การเสนอของบประมาณมูลค่าสูง ทั้งที่ไร้ความจำเป็น อาจเปิดช่องให้เกิดการทุจริตในระหว่างดำเนินงาน และ “เงินทอน” ขึ้นได้

รวมไปถึงตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากโครงการต่างๆ ผ่านชั้นของสภาฯ และได้รับอนุมัติ จนถึงขั้นตอนการ “รีโนเวต” อาจทำให้ “สัญญารับประกันพื้นที่” ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ยังมีสัญญากับ “บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริง แอนด์ คอนสตัคชัน จำกัด” เป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่ ก.ค.2567 ต้องสิ้นสุดลงในบางพื้นที่

เมื่อเป็นเช่นนั้น พื้นที่ไหน ที่มีบริษัทใหม่ เข้ามารับเหมาต่อเติม อาจทำให้ “บริษัทซิโน-ไทย” ในฐานะผู้รับจ้างเดิม ซึ่งมีปัญหาคาราคาซังเกี่ยวกับการซ่อมแซมพื้นที่ “หมดปัญหา” ที่ต้องตามรื้อตามเช็ด เท่ากับว่า “บริษัทเอกชน” อาจได้รับการเอื้อประโยชน์จาก “ฝ่ายราชการ” โดยแทคติก “งบประมาณ”

สอดคล้องกับการตั้งข้อสังเกตของ “วิลาศ จันทร์พิทักษ์” อดีต ประธานกรรมาธิการ ป.ป.ช.สภาฯ จากพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะมือตรวจสอบรัฐสภา ที่ชี้พิรุธว่า การใช้วิธีต่อเติม ทุบของเก่า คือการกลบปัญหาทุจริตที่มีมาก่อนหน้านี้หรือไม่

จับตางบฯ รีโนเวต 'รัฐสภา' กล้าขวาง ‘ฮั้ว-เอื้อเอกชน’ ??

 ดังนั้นในชั้นการพิจารณาของสภาฯ อาจต้องคำนึงในแง่นี้ให้รอบคอบ ยกเว้นว่า จะหลับตาข้างหนึ่ง เพื่อให้เกิดมุมมองที่เห็นต่าง เพื่อให้บรรลุสูตร “การฮั้วประโยชน์”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า นอกจากจะมีฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ยังมีฝ่ายที่สนับสนุนให้ “ของบฯต่อเติม” และพร้อมจะอนุมัติโครงการเฟส 1 มูลค่าเกือบพันล้านบาท โดยให้มีข้อกังขาน้อยที่สุด.