สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

"มนพร เจริญศรี" รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย มีผลงานเด่นชัด ผลักดัน จ.นครพนม ให้เป็นเมืองหลักผ่านการประชุม ครม.สัญจร เลือกตั้งครั้งหน้า สส.เดือน หวังแดงเพื่อไทยยกจังหวัด

KEY

POINTS

  • จบทริปประชุม ครม.สัญจร จ.นครพนม "มนพร เจริญศรี" รมช.คมนาคม ผลักดันมหกรรม "เรือไฟโลก" จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ ม.นครพนม เปลี่ยนเมืองรองเป็นเมืองหลัก
  • ผลงาน "แม่ทัพแดงนครพนม"  บทบาทเสนาบดีฝ่ายนิติบัญญัติของ "พรรคเพื่อไทย" นำทัพชนะศึกเลือกตั้งนายก อบจ.นครพนม 
  • ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า "นครพนมเพื่อไทย" ตั้งเป้าจัดทัพผู้สมัคร สส.ใหม่ หยุดอิทธิพลเครือข่ายสีน้ำเงิน ริมฝั่งโขง หวังกวาด สส.ยกจังหวัด 4 เขต
  • ชื่อ "มนพร" ถูกจับตาและมีชื่ออีกครั้งในการ ปรับ ครม.ครั้งใหม่ ผลงานเข้าตาผู้มีอำนาจสูงสุด "พรรคเพื่อไทย" อีกทั้งเป็นมือทำงานในกระทรวงคมนาคม ให้ รองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  

อีสานเหนือ ค่ายแดง“พรรคเพื่อไทย”ชั่วโมงนี้ สปอตไลต์การเมือง กำลังส่องมาที่ จ.นครพนม หลังครม.สัญจร เพิ่งจบทริปจังหวัดกลุ่มอีสานตอนบน 2 นครพนม สกลนคร มุกดาหาร 28-29 เม.ย. 2568 โดยนายกฯ แพทองธาร ไปตรวจราชการ และประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ใน จ.นครพนม

ไฮไลต์สำคัญ ยกระดับการท่องเที่ยว ในมิติเศรษฐกิจเมืองอีสานเหนือ “มนพร เจริญศรี” สส.นครพนม เขต 2 เพื่อไทย เสนอ ครม.ให้อนุมัติงบฯกว่า 30 ล้านบาท สำหรับจัดงานมหกรรม “เรือไฟโลก” เป็นครั้งแรก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว นครพนม จากเมืองรองสู่เมืองหลัก ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งผลักดันให้ “นครพนมเมืองแห่งความปลอดภัยและทันสมัย"

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

มติ ครม.ยังเห็นชอบโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 จำนวน 4 โครงการ กรอบวงเงิน 200 ล้านบาท

ครม.สัญจร วันที่ 29 เม.ย. 2568 ยังไฟเขียวจัดตั้งคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยขออนุมัติงบฯ กว่า 2,300 ล้านบาท เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา แก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งโรงพยาบาลประจำอำเภอ และโรงพยาบาลชุมชน ให้สอดคล้องกับ มติ ครม.เมื่อปี 2567 ที่อนุมัติงบฯ กว่า 37,000 ล้านบาท ให้สถาบันพระบรมราชชนก ผลิตแพทย์ปีละ 1,000 คน เป็นเรียนทุนฟรี จบมามีงานทำ

คนนครพนมได้เห็นฝีมือของ เดอะมูน “มนพร” ที่ใช้โอกาส ครม.สัญจร ผลักดันให้เกิดบุคลากรทางการแพทย์ที่ จ.นครพนม ฉายภาพให้เห็นว่า “นครพนม” จะเป็นเมืองหลักของอีสานเหนือในแถบริมฝั่งแม่น้ำโขง

การเยือน จ.นครพนม ของ “แพทองธาร” ยังต่อยอด เมื่อปี 2547 ที่ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เคยนำประชุม ครม.สัญจร อนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 นครพนม-คำม่วน ด้วยงบฯ กว่า 1,700 ล้านบาท และอนุมัติก่อตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม

วันเวลาผ่านมา 21 ปี การเมืองระดับชาติ ในแถบริมน้ำโขง จ.นครพนม กระแสยังเป็นของพรรคเพื่อไทย มาโดยตลอดต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคไทยรักไทย แม้จะมีสีน้ำเงินแย่งชิงพื้นที่สีแดงบ้างก็ตาม

เพราะคน จ.นครพนม ยังคงรู้สึกจับต้องได้กับผลงานของ นายกฯ ทักษิณ ที่ส่งต่อมรดกทางการเมืองจากรุ่นพ่อมาถึงรุ่นลูก

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

วัดได้จากกระแสคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ เมื่อการเลือกตั้งใหญ่ 14 พ.ค. 2566 พรรคเพื่อไทย กวาดคะแนนเสียงมาถล่มทลาย 4 เขต กวาด 181,282 คะแนน พรรคก้าวไกล 105,605 คะแนน ส่วนพรรคภูมิใจไทย 30,414 คะแนน

ส่วน สส.เขต นครพนม ปี 2566 จำนวน 4 เขต พรรคเพื่อไทย มาอันดับ 1 กวาด 135,192 คะแนน พรรคภูมิใจไทย อันดับ2 ได้ 131,496 คะแนน ส่วนพรรคก้าวไกล 57,738คะแนน

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

การเมืองอีสานตอนเหนือยุคนี้ เพื่อไทยได้“แม่ทัพหญิง”อย่าง“มนพร เจริญศรี”รมช.คมนาคม มือทำงานใหักับพรรค ทำหน้าที่รัฐมนตรีมือประสานสิบทิศในรัฐสภาไทย

ถูกขนานนามว่าเป็น “รัฐมนตรีสายเดอะแบก”ตัวจริงของ“เพื่อไทย” ทำงานทั้งหน้าฉากและหลังฉากให้พรรคอย่างต่อเนื่อง

ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2566 เกิดอุบัติเหตุผิดพลาดเล็กน้อย แม่ทัพพรรคเพื่อไทย จ.นครพนม เกือบกวาด สส.ยกจังหวัด แต่กลับไปสูญเสีย 2 เขต ในแถบแดนใต้ของจังหวัดให้พรรคภูมิใจไทย เพราะเกิดจากการสื่อสารภายในพรรคที่ผิดพลาด  

ผลงานสำคัญของ สส.เดือน ยังคงปิดบัญชีคู่รักคู่แค้นทางการเมือง อย่าง ตระกูล "โพธิ์สุ"ลงได้ใน 2 เขต ทำให้ "ศุภชัย" หรือสหายแสง และ “พูนสุข โพธิ์สุ” พ่ายแพ้ แม้เครือข่ายพลังสีน้ำเงินจะอัดพลังพิเศษด้วยกลไกอำนาจรัฐบาลยุคลุงตู่ แต่ก็ไม่อาจสู้พื้นที่ที่แข็งแรงของ “แม่ทัพเดือน” ได้

กระแสพรรคเพื่อไทย จ.นครพนม ยังคงแรงต่อเนื่อง ส่งต่อยอดมาถึงผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.นครพนม เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568เพื่อไทยจัดเต็ม “นายน้อย”แพทองธาร ถึงขั้นลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงให้กับ “อนุชิต หงษาดี” อดีตนายก อบต.โพนสวรรค์ ซึ่ง นายกเบียร์ เป็นขุนพลข้างกาย สส.เดือน ลงสมัคร โค่นเอาชนะแชมป์เก่าค่ายสีน้ำเงิน ได้รับการเลือกตั้ง 172,226 คะแนน หรือร้อยละ 52.6

ขณะที่ ศุภพานี โพธิ์สุ บุตรสาวของ “ศุุภชัย” อดีตนายก อบจ. กลุ่มนครพนมร่วมใจ ได้อันดับ 2 ได้ 142,317 คะแนน

“พรรคเพื่อไทย” ยังกวาดคะแนนชนะฝั่งตรงข้ามใน 12 อำเภอในศึกเลือกตั้ง อบจ.ที่ผ่านมา ได้ สจ.ค่ายสีแดงแบบถล่มทลาย หลังกลุ่มฮักนครพนม พรรคเพื่อไทย คว้าชัยในสนาม อบจ. ได้ สจ.ทั้งหมด 22 ที่นั่งจาก30 ที่นั่ง

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างสภาเทศบาลในเขตเมืองในวันที่ 11 พ.ค. 2568 นั้น มีการคาดหมายว่า “ค่ายแดง” จะชนะถล่มทลาย

ยี่ห้อผู้แทนตลาดล่าง “มนพร” ผลงานรับประกันเข้าตาทั้งนายใหญ่และนายน้อยมากที่สุดในบรรดา รัฐมนตรีหญิงของพรรคเพื่อไทย

ล่าสุด“แม่ทัพเดือน” เริ่มวางตัวจัดทัพผู้สมัคร สส.ไว้ล่วงหน้า ตอนใต้นครพนม หมายมั่นว่ามีโอกาสชนะสูง ในเขต 3 อ.เรณูนคร อ.ธาตุพนม ที่ “ไพจิต ศรีวรขาน” พรรคเพื่อไทย แพ้ให้กับ “อลงกต มณีกาศ” รอบล่าสุดนั้น ค่ายแดงจะวางตัวผู้สมัครหน้าใหม่อาศัยกระแสสด และผลงาน สส.เดือน เพื่อทวงคืนเก้าอี้ 

ส่วน เขต 4 อ.นาแก รอบก่อน มนพรต้องการให้ “ชาญชัย คำจำปา” ลง สส. แต่พรรคเพื่อไทยส่ง“ณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์” ทำให้พ่ายแพ้ให้กับค่ายน้ำเงิน รอบหน้าศึกเลือกตั้งใหญ่ มีโอกาสที่ “ชาญชัย” รองนายก อบจ.นครพนม คนปัจจุบัน อาจล้างตาลงสู้ในเขต 4 อีกครั้ง เพราะ “ชาญชัย” ทำพื้นที่ไว้แข็งมาก

สำหรับเขต 1 น่าจะสู้หนักที่สุด เพราะเดิมทีเป็นพื้นที่ของ “สหายแสง” การทำพื้นที่ในเขตนี้ถือว่า เพื่อไทยอาจเจอศึกหนักที่สุดในจังหวัด เพราะต้องรักษาเก้าอี้ สส.ไว้ให้ได้ หลัง “ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์” สามารถเอาชนะ “พูนสุข โพธิ์สุ” ได้ขาดลอยกว่า 1 หมื่นแต้ม

สิงห์อีสานเหนือ ‘มนพร’นครพนม จัดทัพ แดงริมโขง รุกฆาต‘สีน้ำเงิน’

แม้จะมีข่าวโคมลอย “สส.เดือน”อาจถูกจับวางไปอยู่กระทรวงมหาดไทย เพื่อคานอำนาจพรรคสีน้ำเงิน แต่เจ้าตัวยังอาศัยจังหวะฝุ่นตลบการเมือง เดินหน้าปั้นผลงานให้คนนครพนม และพรรคเพื่อไทยต่อไปผ่าน ครม.สัญจร เที่ยวล่าสุด

ไม่ว่าอยู่ที่ไหน “มนพร” มักย้ำในทางลับเสมอว่า ขอเป็นมือทำงาน เปรียบเสมือนขุนพลข้างกายเคียงบ่าเคียงไหล่ “นายกฯ ชินวัตร” โดยมีเป้าหมาย แลนด์สไลด์ “แดงนครพนม” ทั้งจังหวัดในปี 2570 ปิดบัญชีค่ายสีน้ำเงินให้สูญพันธุ์ ในเมืองพระธาตุพนม