'กมธ.ก่อสร้าง' สภาฯ คาใจปมตึกถล่ม 'สตง.' ไร้ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรม

'กมธ.ก่อสร้าง' สภาฯ คาใจปมตึกถล่ม 'สตง.' ไร้ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรม

"ปลอดประสพ" คาใจ "สตง." ไร้ผู้เชี่ยวชาญดูแลงานวิศวกรรม จ่อเรียก ผู้ว่าสตง. แจงอีกรอบ หากไม่มา จะตามไปพบที่บ้าน

ที่รัฐสภา  นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญ พิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐาน การก่อสร้างมาตรฐานความปลอดภัยการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ ในสภาผู้แทนราษฎร แถลงผลการประชุมกมธ.ซึ่งตรวจสอบกรณีตึก สตง. ถล่ม เมื่อ 28 มี.ค. ว่า จากการพิจารณาพบประเด็นหลัก 7 ข้อ คือ

1. ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องย้ายสถานที่ก่อสร้างจาก จ.ปทุมธานี มายังเขตจตุจักร กทม. กรณีที่อ้างว่าน้ำท่วม ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังได้ เพราะหลายหน่วยงาน เช่น  สวทช. สร้างในบริเวณนั้น สามารถสร้างเขื่อนรอบๆ ได้

2. การย้ายสถานที่ก่อสร้าง พบว่าต้องเสียงบประมาณออกแบบใหม่ และแพงกว่าเดิม

3. สตง.ไม่มีเทคนิคทางด้านวิศวกรรมเลย คล้ายกับทำเองคิดเองตัดสินใจเองไม่มีหน่วยงานวิศวกรรม โดยเฉพาะหน่วยงานวิศวกรรมทางรัฐบาล กรมโยธาธิการหรือมหาวิทยาลัยเข้าไปช่วย ถ้าบริษัทก่อสร้างบริษัทออกแบบควบคุมการก่อสร้างอธิบายมายังไงก็เชื่อตามนั้น

\'กมธ.ก่อสร้าง\' สภาฯ คาใจปมตึกถล่ม \'สตง.\' ไร้ผู้เชี่ยวชาญวิศวกรรม

4. ต้องเพิ่มบทบาทของกรมโยธาธิการและผังเมือง มาเป็นผู้กำกับและควบคุม

5. พบช่องว่างระหว่างการทำงานมาก ซึ่งเป็นสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องอุดช่องว่างเหล่านี้ให้ได้

6. พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ควบคุมอาคารต้องถูกรื้อใหม่ทั้งหมด รวมถึงกฎกระทรวงต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ตอนนี้ไม่ทันสมัยเพียงพอ ต้องแก้ไข

และ7. พบว่าการคัดเลือกบริษัทออกแบบ และบริษัทควบคุมการก่อสร้าง ใช้มาตรฐานไม่เท่ากัน ให้น้ำหนักกับบริษัทออกแบบมาก ในขณะที่บริษัทควบคุมการก่อสร้าง ให้ความใส่ใจน้อยกว่า โดยเฉพาะประสบการณ์ เวลาคัดเลือกบริษัทออกแบบใช้ประสบการณ์ 30% แต่เวลาเลือกบริษัทที่มาทำการควบคุมการก่อสร้าง ใช้ประสบการณ์แค่ 10% ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว ทั้งสองอย่างจะต้องเท่ากัน เพราะบริษัทควบคุมการก่อสร้างจะต้องดูแลความปลอดภัย เช่นกันผูกเหล็ก เทปูน ผสมปูน 

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กมธ.ฯได้ฝากคำถาม ถึง สตง.ไปอีก 2 ข้อ คือ 1.สมมุติว่าเหตุการณ์นี้เกิดกับหน่วยราชการอื่น สตง. จะไปแนะนำหน่วยอื่นว่าอย่างไร และ ฝากไปให้ทบทวนตัวเองในระหว่างการก่อสร้างมาตลอดไม่พบสิ่งผิดปกติเลยหรือและทุกอย่างราบรื่นเลยหรือไม่

และ2.เมื่อพบสิ่งผิดปกติแล้วทำอย่างไร เพราะพบว่ามีการแก้ไขแบบถึง 7-8 ครั้ง และมีครั้งสำคัญ คือการเปลี่ยนตำแหน่งของลิฟท์

"คราวหน้าจะเชิญผู้ว่า สตง.มาอีก เพราะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นผู้นำต้องมาตอบเอง หากรอบหน้าหากยังไม่มาชี้แจงอีก  ต้องไปเจอกันที่บ้าน เรื่องนี้ต้องมีความผิดพลาดแน่นอน ไม่เช่นนั้นตึกสตง. คงไม่พัง และคนคงไม่ตาย  ผมมองว่า สตง. ต้องทำเพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าจะได้อยู่อย่างปลอดภัย ถ้าสตง.ทำแบบนี้คิดแบบนี้ประเทศเจ๊ง และมีค่าเช่าที่ของการรถไฟ 736 ล้าน ตลอด15 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2576  เรื่องอะไรจะไปเช่า เป็นเศรษฐีนักหรือ โดยสัปดาห์หน้าจะเชิญกรมโยธาธิการและผังเมืองมาให้ข้อมูลด้วย" นายปลอดประสพ กล่าว 

ด้านนายนิกร จำนง กมธ. กล่าวเพิ่มเติมว่าประเด็นที่สำคัญที่ตรวจสอบคือลักษณะอาคารของรัฐ เหมือนจะไม่ปลอดภัยในการก่อสร้างเพราะลักษณะการควบคุมไม่มีหน่วยงานใดมาดูแลระหว่างทาง เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และแผนงานของคณะกรรมาธิการชุดนี้ ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อดูเหตุตึก สตง. แต่เราตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการทั้งระบบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการชี้แจงของ นายสุทธิพงศ์ บุญนิธิ รองผู้ว่า สตง. ต่อที่ประชุมกมธ. นั้นได้นำข้อมูลการก่อสร้างตึก สตง. มาชี้แจง ทั้งนี้มีสาระสำคัญ  คือ  ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นการจ้างออกแบบของกลุ่มค้า โดยวิธีการคัดเลือก จากการให้คะแนนของคณะกรรมการดำเนินการออกแบบ วงเงินจ้าง 73 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 61 สตง. มีหนังสือถึงนายกสภาสถาปนิก และนายกสภาวิศวกร เพื่อขอความอนุเคราะห์รายชื่อนิติบุคคลผู้มีผลงานออกแบบก่อสร้างอาคารสำนักงานเพื่อใช้ประกอบการดำเนินการคัดเลือกผู้ออกแบบ จากนั้นวันที่ 15 มิ.ย. 61 คณะกรรมการดำเนินการจ้างออกแบบได้ส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 24 ราย โดยคัดเลือกรายชื่อบริษัทจากผลงานการออกแบบอาคารสำนักงาน  อาคารมูลค่า 750 ล้านบาทขึ้นไป ต่อมาวันที่ 16 ก.ค. 61 มีผู้ให้บริการมายยื่นข้อเสนอจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัทร่วมค้า บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท สแปน คอนซัลแดตนท์ จำกัด และกลุ่มร่วมค้า บริษัท ดีไซน์+ดีเวลลอป จำกัด และ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำหัด มหาชน  โดยบริษัทที่ได้คะแนนสูงสุดถึง 91.12 คะแนน คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด 

สำหรับจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างสำหรับวิธีการจัดซื้อจัดจ้างการก่อสร้างอาคารใช้วิธี E-bidding โดยมีราคากลางอยู่ที่ 2,522 ล้านบาท โดยมีผู้สนใจซื้อเอกสารประกวดราคาจำนวน 16 ราย โดยปรากฏชื่อบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) แต่มีผู้ยื่นเสนอราคาจำนวน 7 ราย ในนามซึ่งมีการยื่นประมูลของสองบริษัทในนาม กิจการร่วมค้าไอทีดี-ซีอาร์อีซี และเป็นผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าวในวงเงิน 2,136 ล้านบาท โดยมีการลงนามในสัญญาจ้างวันที่ 23 พ.ย. 2563 โดยมีระยะในสัญญา 1,080 วันตกลงจ่ายค่าจ้าง 36 งวด การแก้ไขเพิ่มเติมและในรายละเอียดสัญญาจ้างก่อสร้างมีการแก้ไขเพิ่มเติม 9 ครั้ง ซึ่งเป็นการแก้ไขแบบการก่อสร้าง อาทิ การแก้ไข CORE LIFT อาคาร A, แบบบันได อาคาร B , CORE WALL อาคาร A ในครั้งที่ 4  และปรากฎการแก้ไข Core Wall อาคาร A อีกในการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 6 

"ในการแก้ไขสัญญาครั้งที่ 8 ผู้รับพบว่าผู้รับจ้างแจ้งความประสงค์ขอปรับแก้ไขงวดงานก่อสร้าง เนื่องจากรายการงานในงวดงานที่ระบุไว้ในสัญญามีหลายรายการที่ไม่สอดคล้องกับขั้นตอนการปฎิบัติงานที่ควรจะเป็น จำเป็นต้องปรับแก้ไขรายการงานที่ติดขัดกับขั้นตอนการทำงานจำนวน 18 รายการ ในงวดที่ 20 - 35 ประกอบด้วย งานโครงสร้าง  งานก่ออิฐ  งานผิวผนัง  งานฝ้าเพดาน  งานพื้นและงานผิวพื้น งานฝังยึดราวบันได  งานสำเร็จบันได  งานประตูหน้าต่าง  งานสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ งานภูมิสถาปัตยกรรมและงานภายนอก สำหรับการแก้ไขสัญญาครั้งที่เก้านั้นเป็นการปรับแผนการทำงานใหม่โดยนำระยะเวลาการทำงานจำนวน 1,080 วันมานับต่อจากวันที่ 30 มิ.ย. 2565 เป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาตามแผนการทำงานใหม่

ในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง งานจ้างควบคุมงาน จะใช้วิธีการคัดเลือก วงเงิน 76 ล้านบาท โดยการตั้งคณะกรรมการดำเนินการจ้างควบคุมงาน หนังสือและส่งหนังสือเชิญผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 19 ราย มีผู้ให้บริการมายื่นข้อเสนอจำนวน 5 ราย นิติบุคคลซึ่งกลุ่มนิติบุคคลร่วมค้า PKW เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากคะแนนสูงสุด ได้รับวงเงินค่าจ้างเป็นเงิน 74 ล้านบาท

ใบอนุญาตแผนผังบริเวณโครงการ ซึ่ง สตง. ได้มีหนังสือแจ้งและส่งแผนผัง แบบแปลน รายการประกอบแบบและรายชื่อผู้ควบคุมงานให้กับทาง กทม. ซึ่งกทม.  ได้มีหนังสือตอบกลับในวันที่ 12 เม.ย. 2566 ว่า จากการพิจารณาเห็นว่าไม่ขัดต่อกฎกระทรวงกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น หรือประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร 2522 แต่อย่างใด 

รายงานผลทดสอบคอนกรีต ซึ่งผู้รับจ้างก่อสร้างได้ขออนุมัติวัสดุคอนกรีตผสมเสร็จผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ทีพีโอ คอนกรีต จำกัด ใช้สำหรับฐานรากและเสาเข็ม ซึ่งมีวิศวกรโยธาระดับสามัญลงลายมือชื่อรับรองรายการคำนวณส่วนผสมคอนกรีต พร้อมทั้งส่งตัวอย่างไปทดสอบที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และกรมวิทยาศาสตร์ บริการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการทดสอบคุณภาพวัสดุที่ใช้ในงานก่อสร้างตามสัญญา.