'ภราดร' พาสื่อ ทัวร์สภาฯ ชี้จุดรีโนเวต เชื่อต้องคุมงานให้โปร่งใส

'ภราดร' พาสื่อ ทัวร์สภาฯ ชี้จุดรีโนเวต เชื่อต้องคุมงานให้โปร่งใส

รองปธ.สภาฯ คนที่สอง" พาคณะสื่อฯ ทัวร์รัฐสภา ชี้จุดที่ของบเพื่อรีโนเวต ย้ำ "วันนอร์-พิเชษฐ์" ให้นโยบาย ขรก. ต้องทำให้โปร่งใส-ตรวจสอบได้

ที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันทกุล  รองประธานสภาฯ คนที่สอง นำสื่อมวลชนประจำรัฐสภาเดินชมบริเวณอาคารรัฐสภา หลังจากที่มีประเด็นการของบประมาณเพื่อปรับปรุงพื้นที่ในหลายโครงการมูลค่าเกือบพันล้านบาท อาทิ ห้องจัดเลี้ยงสัมมนา ชั้นB2  พิพิธภัณฑ์รัฐสภา บริเวณชั้น MB1 และชั้น11ซึ่งเป็นจัดเดียวกับเครื่องยอดของอาคารรัฐสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในพื้นที่ที่นายภราดรพาสื่อมวลชนตรวจสอบนั้นได้ทดลองเปิดไฟฟ้าส่องสว่าง เช่น ห้องสัมมนาชั้น B2 พบว่าไฟฟ้าไม่สว่าง อีกทั้งไม่มีระบบเสียง ไม่มีการเก็บเสียง และเป็นเพียงห้องโถงว่างเปล่า

'ภราดร' พาสื่อ ทัวร์สภาฯ ชี้จุดรีโนเวต เชื่อต้องคุมงานให้โปร่งใส

โดยนายภราดร ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินชมพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ต่อประเด็นว่าทำแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ ว่า ที่นี่จะกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ในด้านการเมืองการปกครอง งานนิติบัญญัติ จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องดูว่าสิ่งที่ได้กับการลงทุนมากน้อยแค่ไหน หลักใหญ่ตนให้โจทย์ว่าคนที่มาแล้วอยากจะกลับมาอีก เชื่อว่าจะกลายเป็นอีกจุดเช็คอินอีกหนึ่งที่ นอกจากเครื่องยอดแล้ว

นายภราดร กล่าวด้วยว่า ส่วนการปรับปรุงห้องสัมมานานั้นตั้งใจที่จะใช้เป็นห้องสัมมนาขนาดใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรแต่รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วยที่ประสงค์จะใช้ห้องประชุมขนาดใหญ่และสามารถขอใช้กับสภาผู้แทนราษฎรได้   ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ บอกว่าเมื่อมีห้องเป็นของเราแล้วจำเป็นที่จะต้องนำพื้นที่ที่ว่างเปล่ามาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อบริการให้กับประชาชน 

นายภราดร กล่าวว่า ส่วนของพิพิธภัณฑ์รัฐสภา จะเป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ ที่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามายังสภาฯ โดยประเทศที่เจริญแล้วอย่างประเทศอังกฤษจะเห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์อยู่ทั่วเมืองเต็มไปหมด ที่แสดงถึงประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ ดังนั้นจึงต้องการให้พิพิธภัณฑ์รัฐสภาเป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนในเรื่องของการเมืองการปกครอง นิติวิธีในกระบวนการของรัฐสภา ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต คือคนเข้ามาแล้วต้องอยากที่จะกลับมาอีกและเมื่อกลับมาแล้วต้องมีสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงไป และบริการให้กับพี่น้องประชาชน 

รองประธานสภาฯคนที่ 2 กล่าวว่า ในการพิจารณาโครงการในต่างๆ มีหลักใหญ่ 3 หลักคือ 1.หลักความจำเป็น 2. เมื่อดูความจำเป็นแล้วโครงการนั้นความคุ้มค่ากับงบประมาณที่จะใช้หรือไม่ และ 3. หลักของความโปร่งใสและตรวจสอบได้ โดยตนเชื่อว่าทั้งนายวันมูหะมัดนอร์   และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 1 ให้กับนโยบายกับข้าราชการเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงเรื่องของความคุ้มค่าของงบประมาณที่ได้รับ

เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่างบประมาณที่ขอไปมีความไม่คุ้มค่า ต้องมีการไปกำชับเรื่องลดทอนให้น้อยลงหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ในส่วนของตนที่ได้พาไปดูห้องประชุม 1,500 ที่นั่ง ตอนแรกงบประมาณที่ทำเสนอมา น่าจะประมาณ 170 ล้านบาท ตนจึงให้โจทย์กับหน่วยงานไปว่าต้องไปเชิญผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนี้หลายเจ้าเพื่อมาปรึกษาและพูดคุยกันว่างบประมาณที่ทางสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ได้ตั้งมาว่ามากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายจึงได้นำเสนอขึ้นมาใหม่คือ 99 ล้านบาท ลดไปประมาณเกือบครึ่งหนึ่ง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถปรับลดได้ เช่นเดียวกันในชั้นของกรรมาธิการงบประมาณ ที่สามารถจะปรับลดหรือตัดออกทั้งโครงการก็ได้  

เมื่อถามถึงกรณีที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ ทักท้วงการต่อเติมพื้นที่ที่ควรทำก่อนสร้างเสร็จ  นายภราดรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าในแบบแปลนใหญ่ มีทั้งพิพิธภัณฑ์และห้องประชุมขนาดใหญ่ในการเตรียมพื้นที่เอาไว้ ส่วนในการรับงานครั้งแรกไป น่าจะไม่รวมถึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์และห้องประชุม ทั้งนี้ข้าราชการไม่กล้าตรวจรับงานหากไม่สมบูรณ์ตามแบบ เพราะจะติดคุก แต่ที่ผ่านมามีการลดงบประมาณของการก่อสร้างรัฐสภาทั้งหมด ดังนั้นส่วนที่ต่อเติมนั้นคาดว่าจะเป็นส่วนที่ถูกตัดออกไปตอนแรก ดังนั้นตนเชื่อว่าด้วยคณะกรรมการตรวจรับของสภาฯ คงไม่ชุ่ยขนาดนั้น.