‘นายรู’ รายงาน-MFC เสิร์ฟ เปลี่ยนวิธีลงทุน ค่าโง่ตึก Skyy9 ?

ขมวดเงื่อนปมอินไซด์ 2 วงประชุมบอร์ด สปส. ก่อนลงทุนควัก 7 พันล้านซื้อ “บริษัท” ให้ได้ Skyy9 เผย “นายรู” ธีระพันธุ์ พืชผล คนรายงานข้อมูลในวงตลอด MFC มือเสิร์ฟให้ซื้อตึก
KEY
POINTS
- ขมวดเงื่อนปมอินไซด์ 2 วงประชุมบอร์ด สปส. ก่อนลงทุนควัก 7 พันล้านซื้อ “บริษัท” ให้ได้ Skyy9
- เผย “นายรู” ธีระพันธุ์ พืชผล คนรายงานข้อมูลในวงตลอด MFC มือเสิร์ฟให้ซื้อตึก
- แถมเปลี่ยนวิธีการ ให้กองทรัสต์ไปตั้งบริษัท เพื่อซื้อหุ้น ให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9
- คนในบอร์ด-อนุฯ การันตี ดีลนี้คุ้มค่า แต่ 3 ปีผ่านผลลัพธ์ไม่เป็นดังคาด ใครต้องรับผิดชอบ?
กรณีกองทุนประกันสังคม ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยังเป็นเงื่อนปมที่สาธารณชนติดตาม และวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดราว 2 เดือนที่ผ่านมา เพราะเต็มไปด้วยความลึกลับดำมืด เนื่องจากแทบไม่มีการเปิดเผยเหตุผลที่แท้จริงในการใช้งบประมาณราว 7 พันล้านบาท ไปลงทุนซื้อบริษัท ให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9 บริเวณอโศก-ดินแดง ถนนรัชดาภิเษก
โดย 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี เป็นหัวหอกเปิดโปงประเด็นดังกล่าว
ขณะที่กรุงเทพธุรกิจ นำเสนอข้อมูล และขยายผลการตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่า “กองทุนทรัสต์” ที่อนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ตัดสินใจใช้งบเฉียด 7 พันล้านบาทไปซื้อ “บริษัท” เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 คือ บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด โดยมีบริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม เซเว่น” คือ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท โดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตี เป็นกองทุนของประกันสังคม
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรุงเทพธุรกิจ นำเสนอข้อมูล “อินไซด์” วงประชุมที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติวงเงินราว 7 พันล้านบาท เพื่อเข้าไปซื้อ “บริษัท” ให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 มีวงประชุมที่เกี่ยวข้อง 3 วง ได้แก่ คณะกรรมการลงทุน (Investment Committee) หรือ “บอร์ดลงทุน” มี “บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์” เลขาธิการ สปส. (ขณะนั้น ปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน) เป็นประธาน) คณะอนุกรรมการการลงทุน และคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด โดยทั้ง 3 วงดังกล่าวได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนอย่างน้อย 3 ครั้ง ระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย. 2565 ก่อนชงบอร์ดกองทุนประกันสังคม (บอร์ดใหญ่) ตัดสินใจเคาะลงทุนให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9
ประเด็นที่น่าสนใจ ใน 2 วงประชุมคือ “บอร์ดลงทุน” และคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ปรากฏชื่อ “ธีระพันธุ์ พืชผล” ที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ โดย “ธีรพันธุ์” เคยมีตำแหน่งเป็นนักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองบริหารการลงทุน สปส. และเป็นหนึ่งใน อนุกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการ ในอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด เข้าไปนั่งในวงประชุมด้วย
“ธีระพันธุ์” คือบุคคลที่เคยถูก 2 สส.ปชน.กล่าวหาว่าเป็น “นายรู” เข้าไปมีบทบาทกับการลงทุนของ สปส.ในการซื้อ Skyy9
อย่างไรก็ดีที่ผ่านมา พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ “ธีระพันธุ์” ตามเบอร์ติดต่อ 65 6224 9940 และ 65 6224 1797 แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ดังนั้นหาก “ธีระพันธุ์” ต้องการชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาที่กรุงเทพธุรกิจได้ทันที
บทบาทของ “ธีระพันธุ์”ในวงประชุม“บอร์ดลงทุน” พบว่า เขาจะเป็นผู้เสนอและรายงานข้อมูลการประชุมต่าง ๆ อย่างน้อย 3 ครั้งที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลงทุนซื้อ Skyy9 (ระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย. 2565) เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดที่เข้าประชุมใน “บอร์ดลงทุน” ด้วย
โดยในการหารือกันระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย. 2565 ของ “บอร์ดลงทุน” และคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า ที่ประชุมตัดสินใจตั้ง “กองทุนทรัสต์” เพื่อลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นเงินราว 9,800 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วน 70:30 คือ ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ 70% และต่างประเทศ 30%
ในส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น เมื่อก่อตั้ง “กองทุนทรัสต์” ขึ้นมาแล้ว ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เป็น “ผู้จัดการกองทรัสต์” และ “กรุงไทย” เป็น “ทรัสตี” โดย MFC คือ “ผู้เสิร์ฟข้อมูล” เกี่ยวกับการลงทุนในอาคาร Cas Centre (ชื่อเดิม Skyy9) ให้แก่ “บอร์ดลงทุน-อนุที่ปรึกษาฯ” พิจารณา
เบื้องต้น MFC ประเมินมูลค่าทรัพย์สินอาคาร Cas Centre ดังกล่าวราว 7 พันล้านบาท โดยมีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Jay Capital) ให้ความเห็นว่า การประเมินมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท AGRE101 จำกัด (บริษัทที่เป็นเจ้าของตึก Cas Centre) ด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow) เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด
เนื่องจากเป็นวิธีสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไร และสร้างกระแสเงินสดในอนาคตจากการดำเนินธุรกิจของ AGRE 101 โดยมูลค่าประเมินด้วยวิธีนี้ของส่วนของผู้ถือหุ้นของ AGRE101 ณ 1 พ.ย. 2565 อยู่ระหว่าง 7,223.87-7,573.49 ล้านบาท ครอบคลุมมูลค่าประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระ นอกจากนี้ MFC ยังว่าจ้าง Edmund Tie และ CPM Capital ประเมินราคาแล้ว ราว 7 พันล้านบาท รวมทั้งมูลค่าอาคาร และที่ดิน
อย่างไรก็ตามมูลค่ากิจการที่กอง PE Trust จะเข้าลงทุนนั้นมีมูลค่า 6,900 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ามูลค่าประเมินเฉลี่ยของผู้ประเมินอิสระทั้ง 2 ราย (7,348.5) ล้านบาท อยู่ประมาณ 6.5% และน้อยกว่ามูลค่าประเมินของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระอยู่ 4.5%-8.9% แสดงให้เห็นว่า เป็นมูลค่าการเข้าลงทุนที่สมเหตุสมผล
ที่สำคัญ MFC คือคนเสนอให้เปลี่ยนวิธีการลงทุนจากแค่การเข้าไปซื้ออาคาร Cas Centre เป็นการ “ซื้อบริษัท” AGRE 101 โดยการให้ “กองทุนทรัสต์” ตั้งบริษัท ไพรม์ เซเว่น จำกัด เพื่อเข้าไปซื้อหุ้นใน AGRE 101 (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด) ให้ได้มาซึ่งอาคารแห่งนี้ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Skyy9)
นอกจากนี้ ในวงประชุมของทั้ง 2 บอร์ด ไม่ว่าจะเป็น “บอร์ดลงทุน” หรือ “บอร์ดอนุที่ปรึกษาฯ” ต่างตั้งคำถาม และถกเถียงกันถึง “ความคุ้มค่า” เกี่ยวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว อย่างไรก็ดีมี “บางคน” การันตีให้ว่า การซื้ออาคารหลังนี้ จะสร้าง “กำไร” ให้แก่กองทุนประกันสังคมในอนาคต และมีอนุที่ปรึกษาฯ บางคนบอกด้วยว่า การพิจารณาเพื่อลงทุนเข้าซื้อ AGRE 101 ให้ได้มาซึ่งอาคาร Cas Centre ครั้งนี้ดำเนินการอย่างรอบคอบแล้ว
โดยเฉพาะคำถามที่ถูกถามหลายครั้งคือ ถ้าผลตอบแทนไม่ได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ จะต้องมีการดำเนินการ หรือ Exit ผู้ใด หรือฝ่ายไหนจะนำเสนอแผนการดำเนินการดังกล่าว โดย “ฝ่ายเลขานุการ” ของ “อนุที่ปรึกษาฯ” ตอบไว้ว่า Trust Manager (คือ MFC) จะเป็นผู้ทำแผน Exit และเสนอต่อคณะกรรมการลงทุน (IC) ของทรัสต์ก่อน หลังจากนั้นจึงนำเสนอผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อพิจารณา โดยกรณีของ สปส.จะนำเสนอต่อบอร์ดลงทุน สปส. เพื่อพิจารณากลั่นกรอง ก่อนนำเสนอคณะอนุที่ปรึกษาฯ พิจารณาให้ข้อสังเกต และจึงนำเรียนเลขาธิการพิจารณาแผนดังกล่าวต่อไป
ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องในวงประชุมที่เกี่ยวข้องใน สปส.เพื่อนำไปสู่การอนุมัติลงทุน “บริษัท” เพื่อให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9 อย่างไรก็ดีผ่านมาเกือบ 3 ปี ข้อเท็จจริง ณ ปัจจุบันกลับไม่ได้เฉียดใกล้ตามที่คำนวณเอาไว้ รายได้ที่เข้ากองทุนประกันสังคมจากอาคารหลังนี้ ก็น้อยกว่าที่ประเมินไว้จริงมาก
นั่นจึงนำไปสู่การตั้งคำถามจากสังคม โดยเฉพาะกลุ่ม“ผู้ประกันตน” ที่มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงว่า การทำหน้าที่ของ สปส.คุ้มค่ากับเงินที่เขาต้องจ่ายไปแต่ละเดือนหรือไม่ เบื้องต้นเรื่องนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ชุดกระทรวงมหาดไทย กำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ใช้เวลาราว 90 วัน จะแล้วเสร็จช่วงเดือน มิ.ย.นี้ ต้องติดตามผลกันต่อไป







