'สว.' ร้อง 'มงคล' สอบ 'ดีเอสไอ' หลังชาวอำนาจฯถูกขู่ปมสอบฮั้ว

'สว.' ร้อง 'มงคล' สอบ 'ดีเอสไอ' หลังชาวอำนาจฯถูกขู่ปมสอบฮั้ว

"4สว.อำนาจเจริญ" ยื่น "ฉัตรวรรษ" ขอความเป็นธรรม กรณี ดีเอสไอ ทำหน้าที่ไม่ชอบ หลังพบพฤติกรรมไม่เป็นกลาง-ละเมิดกฎหมาย สอบฮั้ว สว.พื้นที่อำนาจเจริญ

ที่รัฐสภา พล.ต.ต.ฉัตวรรษ  แสงเพชร สว. ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา  รับเรื่องจาก 4 สว.อำนาจเจริญ  ได้แก่ นางแดง กองบุญมา นางเพลินจิต ขันแก้ว นายสมพาน พละศักดิ์ และ นายสุวิช จำปานนท์  เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่ได้ลงพื้นที่สอบปากคำบุคคลในคดีตรวจสอบการเลือก สว.ที่ไม่โปร่งใส หรือกรณีฮั้วสว. ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.

โดยพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในพื้นที่จ.อำนาจเจริญพบว่ามีความผิดปกติและไม่เป็นไปตามกฎหมาย รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่กำหนดไว้เพื่อเป็นการคุ้มครองบุคคลที่ถูกสอบสวน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กรณี คือ 

1.กรณีการติดต่อประสานงานที่ผิดปกติ ของเจ้าหน้าที่ดีเอส  โดย นายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์  และ นายสัมฤทธิ์ ดวงแก้ว พนักงานดีเอสไอ  ขอความอนุเคราะห์ ใช้สถานที่ อบต.แมด  อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ เพื่อสอบปากคำบุคคล และให้กำนันติดตามบุคคลให้พนักงานสอบสวน โดยระบุรายชื่อผู้สอบสวน จำนวน  10 คนในวันวันที่ 10 เม.ย. โดยหนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกสอบปากคำ คือ นายสำเริง วะสุกัน อดีตผู้สมัคร สว.ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ พบว่าการส่งหนังสือนั้นไม่ได้ส่งผ่านช่องทางราชการ แต่ส่งสำเนาผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ และส่งผ่านบุคคลภายนอกที่เป็นคู่กรณีทางการเมืองคือผู้ใกล้ชิดกับคู่แข่งทางการเมือง ซึ่งลงสมัครเป็นนายก อบต.แมด

'สว.' ร้อง 'มงคล' สอบ 'ดีเอสไอ' หลังชาวอำนาจฯถูกขู่ปมสอบฮั้ว

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า การสอบปากคำที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย โดยนายสำเริงมองว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช้อำนาจโดยไม่ชอบ ทั้งการออกหมายเรียก ตามพ.ร.บ.การสอบสวนของดีเอสไอ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรียกแจ้งล่วงหน้าแค่ 1 วัน ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่เตรียมข้อมูลแก้ข้อกล่าวหาและสอบปากคำนานผิดปกติ ซึ่งเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิและทรมาณจิตใจที่ต้องให้คำรับสารภาพบางอย่าง ซึ่งเข้าข่ายขัดต่อพ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ห้ามเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดความทุกข์มรมาณ ทั้งนี้หลังจากให้ปากคำแล้ว ได้ไปลงบันทึกประจำวันที่สภ.อำนาจเจริญแล้ว

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวด้วยว่านอกจากนั้นยังมีคำร้องเรียนจากชาวบ้าน ในกรณีข่มขู่คุกคาม โดยการแสดงตนของพนักงานดีเอสไอปฏิบัติตนรวมกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีอาญาร้ายแรง เช่น กรณีเมื่อ 4 พ.ค. พบว่า นางบุญล้อม วรรณพัฒน์ และนางไพวัลย์ แก้วพวง อดีตผู้สมัคร สว.  ถูกบุคคลอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 คน เดินทางไปที่บ้านพักส่วนตัว โดยพลการ ไม่แต่งเครื่องแบบ ไม่แสดงบัตร ไม่มีหมายค้นและไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าบ้าน ทำให้รู้สึกหวาดกลัว ทั้งนี้นางบุญล้อม บอกว่าตอนเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงออกไปเรียกญาติเป็นพยาน แต่เมื่อกลับมาพร้อมญาติ แต่เจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวหลบหนีไปทันที

'สว.' ร้อง 'มงคล' สอบ 'ดีเอสไอ' หลังชาวอำนาจฯถูกขู่ปมสอบฮั้ว

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวต่อว่า แสดงให้เห็นพฤติการณ์ไม่โปร่งใส ไม่ตรงไปตรงมาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และต่อมานางบุญล้อมพยายามโทรศัพท์ไปยังหมายเลขที่บุคคลกลุ่มดังกล่าวติดต่อมา แต่ปลายสายปฏิเสธว่าโทรผิด เท่ากับเป็นการบ่ายเบี่ยง ทำให้นางบุญล้อมได้ลงบันทึกประจำวัน ส่วนในกรณีของนางไพรวัลย์ พบว่ามีการบังคับให้รับสารภาพโดยออกอุบายว่าบุคคลอื่นรับสารภาพแล้ว เท่ากับว่าเจ้าหน้าที่ได้กระทำการที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ

“การกระทำของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั้น คล้ายกับว่ามีธงในใจ โดยบังคับให้ยอมรับต่อกระบวนการฮั้วเลือก สว. โดยมีผลโยงกับพรรคการเมือง ที่เข้าใจกันว่าเป็นพรรคภูมิใจไทย ขณะเดียวกันนั้นในการสอบปากคำพยานยังพบว่าอนุญาตให้บุคคลภายนอก ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกพื้นที่ คล้ายกับได้รับอนุญาติเป็นพิเศษ จึงเชื่อได้ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่นั้นอาจมีการแทรกแซง ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย เอนเอียง ไม่เป็นกลาง เลือกปฏิบัติ รวมถึงมีความเร่งรัด เร่งรีบคดีเพราะก่อนหน้านี้ มีการตั้งธงจาก รมว.ยุติธรรมและอธิบดีดีเอสไอว่าจะต้องมีการดำเนินคดีนี้” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว

พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวด้วยว่า หลังจากได้รับรายละเอียดจาก สว.อำนาจเจริญ ซึ่งส่งเรื่องให้ตนและยังได้ส่งให้นายมลคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในกรณีดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นตนตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานที่ได้แล้ว และเตรียมส่งเป็นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยื่นให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเรื่องที่ 92  สว. ยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำหน้าที่ของดีเอสไอไปก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ในกรณีที่ สว.ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ทางดีเอสไอ ควรยุติการตรวจสอบดังกล่าวไปจนว่า ป.ป.ช.จะมีคำวินิจฉัย นอกจากนั้นแล้วจะเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่ามีการโยงกับพรรคภูมิใจนั้น ผู้ที่ออกมาร้องเรียนรวมถึงผู้ที่ถูกเรียกสอบนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไร  พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า  ตนไม่ทราบ แต่กรณีที่เกิดขึ้น ตนมองว่าในกรณีที่จะตรวจสอบและบอกว่ามีหลักฐานฮั้ว และมีมูลฐาน 300 ล้านบาท ต้องมีเงิน และไล่ตรวจสอบ ไม่ใช่บอกว่าเป็นสมมติฐาน แล้วไล่ตรวจสอบ ทั้งนี้ตนพร้อมรับการตรวจสอบโดยองค์กรที่มีหน้าที่ ส่วนของดีเอสไอนั้นมีหน้าที่ดำเนินการจริงหรือไม่

“หลักฐานที่มีในหนังสือร้องเรียนนั้นมีคลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้ ซึ่งผมไม่ทราบว่าถ่ายมาได้อย่างไร เป็นภาพที่มีบุคคลอยู่ในภาพ แต่ไม่ทราบบทสนทนาเพราะมีการรบกวน แต่ได้วงว่าบุคคลที่ปรากฎในภาพเป็นใครบ้าง ส่วนการดำเนินคดีกับสว.ตามที่มีข่าวนั้น ผมต้องนิ่งไว้ และไม่หนี” พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว