ดับกระแส ‘ปรับครม.’ โค้งสุดท้าย 'รัฐมนตรี' โชว์ฝีมือ ปั้นผลงาน

เมื่อใดก็ตามที่เข้าสู่โหมดจัดแถวรัฐบาลใหม่ “รัฐมนตรี” จำนวนไม่น้อย จำเป็นต้องปั้นผลงาน หลังจากนี้ไปไม่เกิน 5 เดือน ไฟต์บังคับ ให้นายกฯอิ๊งค์ต้องเขย่าครม.ใหม่
KEY
POINTS
- กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวทันที เมื่อนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ประกาศขอโอกาสให้ “รัฐมนตรี” ในรัฐบาล โชว์ฝีมือการทำงาน
- โดยไทม์ไลน์ของ “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ต้องการปรับทัพบริหารประเทศ ในช่วงครบ 1 ปี โดยจะอยู่ในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งอาจจะทอดยาวไปในช่วงเดือน ก.ย.
- แต่ในช่วงที่ผ่านมา มีโรคแทรกซ้อน จนมีกระแสข่าวปรับครม.ออกมาตามหน้าสื่อ
กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวทันที เมื่อนายกฯแพทองธาร ชินวัตร ประกาศขอโอกาสให้ “รัฐมนตรี” ในรัฐบาล โชว์ฝีมือการทำงาน
โดยไทม์ไลน์ของ “เบอร์หนึ่งตึกไทยคู่ฟ้า” ต้องการปรับทัพบริหารประเทศ ในช่วงครบ 1 ปี โดยจะอยู่ในช่วงเดือน ส.ค. ซึ่งอาจจะทอดยาวไปในช่วงเดือน ก.ย. เนื่องจากต้องรอจังหวะให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ปี 2569
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2568 มี “บิ๊กเนม” ทั้งจากวงการเมือง วงการธุรกิจ พยายามเร่งเกมปรับ ครม. จนมีหลายสูตรถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำเอารัฐมนตรีที่มีชื่อในโผ ต้องวิ่งวุ่นฝุ่นตลบ
ที่สำคัญความขัดแย้งของ “ขุนพลสีแดง” กับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ทวีความรุนแรงมากขึ้น จังหวะก้าวของ “พรรคภูมิใจไทย” ไม่ค่อยสอดสัมพันธ์กับ “พรรคเพื่อไทย” จนบรรดากุนซือ-ลูกหาบ จากค่ายสีแดง ออกมาเชียร์ “นายใหญ่ - นายหญิง” ให้งัดไม้แข็งเอาคืน
ทว่า สูตรเขี่ยพรรคภูมิใจไทย สูตรยึดกระทรวง สูตรสลับกระทรวง ยังถูกเก็บเอาไว้ในลิ้นชัก เนื่องจากสถานการณ์ของ “นายใหญ่”ทักษิณ ไม่เอื้ออำนวยให้ออกอาวุธสู้รบกับ “เครือข่ายสีน้ำเงิน”ในเวลานี้
ต้องยอมรับว่า แรงต่อรองทางการเมืองของ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” นับวันยิ่งสูงลิบ การคุมเกมในกระทรวงที่ดูแลอยู่ ไม่มีปัญหาเล็ดลอดออกมา
ส่วนการคุมเกมสภาล่าง ค่ายสีน้ำเงินเปิดโหมดต่อรองทุกเม็ด ขณะเดียวกันการคุมเกมสภาสูงก็ใช้อำนาจเต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้บางเรื่องอาจไม่เกี่ยวข้องกับ “สภาสูง” แต่สีน้ำเงินกลับสามารถ หาช่องเข้าไปมีส่วนร่วมได้หลายเรื่อง
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แบ็คอัพของ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ค่อนข้างแข็งแกร่ง หลายรายปรากฏตัวต่อสาธารณะ บางรายเลือกเก็บตัวในที่ลับ แต่การขับเคลื่อนทางการเมืองยังทรงพลังเสมอ เมื่อใดจำเป็นต้องออกอาวุธ สามารถกดปุ่มได้ทันทีเช่นกัน อยู่ที่สัญญาณจะรุก หรือตั้งรับ
สำหรับการปรับ ครม.ยังมีความเห็นต่าง ระหว่างพ่อ-ลูก โดย “สทร.ทักษิณ” มองคนละมุมกับ “นายกฯอิ๊งค์” โดยเฉพาะการยึด-สลับกระทรวงกับพรรคร่วมรัฐบาล
รวมถึงไทม์ไลน์ ตามสไตล์นายใหญ่ต้องการเปิดเกมรุก เก็มเร็ว แต่นายกฯลูกสาว พยายามติดเบรกบิดา เพราะมองว่ายังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
อย่างไรก็ตาม หากคำนึงถึงขุมพลังของ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” การเดินเกมรุกแรง อาจไม่เป็นผลดีกับ “เครือข่ายสีแดง” เพราะยังตกเป็นรองในเกมอำนาจ การได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก “หัวขบวนอนุรักษ” บรรดา“บิ๊กสีน้ำเงิน”ได้เปรียบมากกว่า เพราะฝังรากเอาไว้ลึกกว่า
แตกต่างจาก “บิ๊กสีแดง” ที่เริ่มนับหนึ่งใหม่ในยุครัฐบาลแพทองธาร ยังต้องใช้เวลาเก็บสะสมแต้มพอสมควร
หากไล่ทุบหม้อข้าวของ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ภัยอันตรายอาจมาเร็วกว่าที่ “นายใหญ่”เพื่อไทยคาดคะเนเอาไว้ ฉะนั้น การถอย หลบฉากไปอยู่ในเซฟโซนในบางจังหวะ จึงปลอดภัยกว่าการเปิดหน้าเล่นบทบู๊โดยไม่ดูกระแส
ว่ากันว่า เวลานี้นายใหญ่เพื่อไทย ยังออกแรงทาบทาม “คนนอก” เข้ามาเป็น “แม่ทัพเศรษฐกิจ”คนใหม่ โดยมีการพูดคุยกับ “นายแบงค์” ระดับบิ๊กเนม ให้เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่สัญญาณตอบรับก็ยังไม่ชัดเจน แม้จะมีบทบาทในวงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเป็นระยะ
เนื่องจากบรรดา “นายแบงค์” ระดับบิ๊กเนม ต่างประเมินสถานการณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลเช่นกัน เพราะหากมีรอยร้าวให้เห็น การจะเข้ามาผลักดันนโยบายสำคัญ ย่อมทำได้ยาก อาจติดล็อก-ติดเงื่อนไขหลายชั้น จึงไม่อยากเสี่ยงสูงในสถานการณ์นี้
อุปสรรคปัญหา และเงื่อนไขในการปรับครม. ทำให้เพื่อไทยไม่สามารถขยับหมากได้มากนัก
ว่ากันว่า “นายกฯอิ๊งค์” มีไทม์ไลน์ของตัวเองอยู่แล้ว จนสามารถชักแม่น้ำทั้งห้า กล่อมบิดาให้ยอมถอยเกมเร็ว คลายสถานการณ์ร้อนลงไปได้
เมื่อใดก็ตามที่เข้าสู่โหมดจัดแถวรัฐบาลใหม่ “รัฐมนตรี”จำนวนไม่น้อย จำเป็นต้องเร่งเครื่องตั้งแต่วันนี้ โชว์ฝีมือ ปั้นผลงานอย่างเต็มกำลัง เพราะนับถอยหลังไปไม่เกิน 5 เดือน จะเป็นไฟต์บังคับ ให้นายกฯอิ๊งค์ต้องเขย่าใหม่ หามือทำงานมาช่วยกันสร้างผลงานรัฐบาล







