'วิโรจน์' ขู่เอาผิด 'พิชัย-ปิ่นสาย' ประวิงเวลาสอบ ตั๋วPN 'นายกฯ'

'วิโรจน์' ขู่เอาผิด 'พิชัย-ปิ่นสาย' ประวิงเวลาสอบ ตั๋วPN 'นายกฯ'

"วิโรจน์" ขู่เอาผิด "ขุนคลัง-อธิบดีสรรพากร" หากปกป้อง "นายกฯ" ปมเลี่ยงภาษีรับให้ ระบุ "กมธ.สภาฯ" จ่อส่งหนังสือจี้ให้ทำตามหน้าที่-ออกระเบียบคุมตั๋วPN

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า  คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร สภาฯ ที่มีนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ได้ติดตามเรื่องร้องเรียนกรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมและการชำระภาษีเกี่ยวกับการซื้อหุ้นมูลค่า 4,434.5 ล้านบาท ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ  โดยเชิญ อธิบดีกรมสรรพากร ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน  เข้าให้ข้อมูล

ทั้งนี้ภายหลังการประชุม นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในการประชุม นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพากร ไม่ได้ร่วมประชุมแต่ได้ส่งผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง มาชี้แจงแทน ทั้งนี้ในการพิจารณาพบข้อมูลทที่น่าตกใจ คือ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ยังไม่ครบองค์ประกอบ เพราะขาดกรรมการ ส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิ  จำนวน 3 คน ทั้งนี้การตั้งกรรมการส่วนดังกล่าวเป็นอำนาจของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง ดังนั้น กมธ.  เตรียมทำหนังสือถึงนายพิชัย ให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว อย่างไรก็ดี กมธ.ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่โดยปกติแล้วต้องทำโดยพลัน หากเป็นการทำหน้าที่โดยชอบ แต่หากดึงเวลาอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่าในการตรวจสอบกรณีการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตั๋ว P/N หลังจากที่ซื้อหุ้นของคนในครอบครับและเครือญาติของ น.ส.แพทองธาร นั้น ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลางระบุว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะมีประเด็นของปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ คือ การไม่มาชี้แจงของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้กมธ.ซักถามถึงขั้นตอน ทราบว่ากรณีที่เชิญบุคคลให้ชี้แจงแล้วไม่มา จะให้เวลา 15 วัน และหากไม่มาจะต่อเวลาอีก 15 วัน อย่างไรก็ดีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวถือเป็นอำนาจของกองตรวจสอบภาษีกลางที่จะดำเนินการได้ และเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรตรวจสอบขั้นตอนต่อไป

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่าสำหรับ สตง. ที่ร่วมชี้แจงต่อกมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ  ได้ให้ข้อมูลกับกมธ.ว่า ไม่มีอำนาจตรวจสอบบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ทั้งนี้ สตง.มีหน้าที่ตรวจการใช้จ่ายและการจัดเก็บรายได้ กรณีที่เกิดขึ้นทราบว่าประเด็นตั๋วพีเอ็น หรือ ตั๋วเงิน นั้นไม่มีระเบียบหรือกติกาที่ชัดเจนในการปฏิบัติ ว่าทำได้จริงหรือเป็นเพียงรูปแบบที่ใช้เป็นนิติกรรมอำพราง

“สตง. มีอำนาจตามกฎหมาย สตง. ในมาตรา 85 เพื่อส่งความเห็นไปยังกรมสรรพากรให้ดำเนินการออกระเบียบและการปฏิบัติงานเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย รวมถึงเพื่อให้สามารถจัดเก็บภาษีการรับให้ จากกรณีการออกตั๋วพีเอ็น หรือ ตั๋วเงิน ได้ และเป็นไปด้วยความเป็นธรรม เสมอภาคถ้วนหน้า ทั้งนี้กรณีของนายกฯ ที่อาจบอกว่าเป็นการวางแผนภาษี แต่หากประชาชนคนอื่นเขาทำรูปแบบเดียวกัน กรมสรรพากรต้องให้สิทธิประชาชนคนอื่นทำด้วย ไม่ใช่ไล่บี้คนอื่นแต่ นายกฯกลับเพิกเฉย นอกจากนั้นแล้วผมมองว่าเมื่อมีช่องว่างให้ทำ แต่นายกฯ ควรปิดช่องว่างที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ เตรียมทำหนังสือไปยังหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง คือ นายพิชัย นายปิ่นสาย และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะกรณีของอธิบดีกรมสรรพากรต้องตรวจสอบกรณีของนายกฯ ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ไม่ใช่เตะถ่วงการตรวจสอบ ทั้งนี้หากนายพิชัย นายปิ่นสาย รวมถึง ผู้อำนวยการกองตรวจสอบภาษีกลาง ไม่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเร็วอาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

กมธ.มีข้อเตือนใจไปยังข้าราชการที่ต้องทำหน้าที่ด้วยว่า มีประเด็นที่เคยเกิดขึ้นกับ นางเบญจา หลุยเจริญ เมื่อครั้งทำหน้าที่ในกรมสรรพากรถูกพิพากษาจำคุกในคดีวินิจฉัยภาษีซื้อหุ้น และถูกลงโทษทั้งคดีอาญา และจำคุก หากทำหน้าที่ปกป้องสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งกรณีที่ตรวจสอบ น.ส.แพทองธารนั้น หากฝ่ายที่เเกี่ยวข้องประวิงเวลา อาจเท่ากับส่งสัญญาณปกป้อง หรือดึงเรื่องตรวจสอบน.ส.แพทองธาร ซึ่งอาจถูกร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ได้” นายวิโรจน์ กล่าว.