'วินธัย' แจง กมธ.มั่นคงฯ ย้ำไอโอของทหาร ไร้กังวล-กระทบสิทธิ

กมธ.มั่นคง เรียกกองทัพ สอบปมไอโอทหาร กระทบสิทธิประชาชน "วินธัย" ยืนยันใช้เพื่อสร้างความเข้าใจ ขอให้ไร้กังวล หากไม่ทำผิดกฎหมาย
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. โดยมีวาระพิจารณาศึกษาปฏิบัติการข่าวสาร ( ไอโอ) ทางสื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระต่อสิทธิเสรีภาพ ของประชาชน ซึ่งเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เข้าชี้แจง
โดยนายรังสิมันต์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การปฏิบัติการไอโอกับประชาชน นักวิชาการ นักการเมืองเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ และในรัฐบาลปัจจุบันยังพบปฏิบัติการดังกล่าวอยู่ ทั้งนี้กรณีที่กองทัพใช้เครื่องมืองดังกล่าวที่ออกแบบเพื่อทำสงครามกับรัฐอื่น แต่กลับนำมาใช้กับคนในประเทศ ควรถูกตั้งคำถามทั้งการจัดการ การตัดงบประมาณ
"เครื่องมือแทนที่จะไปจัดการกับพ่อค้ายาเสพติด คนที่ทำลายความมั่นคงก็ทำไม่ได้ เพราะใช้เครื่องมือผิดประเภท จึงทำให้สภาฯไม่ไว้วางใจให้ใช้เครื่องมือแบบนี้ต่อไป กลายเป็นว่าความมั่นคงของประเทศโดยรวมอ่อนแอลง เพราะสาเหตุสำคัญคือหน่วยงานความมั่นคงใช้เครื่องมือในลักษณะแบบนี้ทำลายความั่นคงของชาติเอง" นายรังสิมันต์ กล่าว
ทั้งนี้ในการประชุม พล.ต.วินธัย กล่าวกับที่ประชุมตอนหนึ่งว่า กองทัพบกไม่มีการทำไอโอ แต่คำดังกล่าวเกิดขึ้นกับทั่วโลก ซึ่งใช้ปฏิบัติการทางทหาร คือการใช้ไอโอ เป็นเครื่องมือสื่อสารในการรบ และอยู่ในภารกิจป้องกันประเทศ ทั้งนี้เมื่อมาอยู่ในประเทศไทย กองทัพจึงใช้ในการเสริมสร้างความเข้าใจและแก้ไขในสิ่งที่เข้าใจผิด ด้วยวิธีประชาสัมพันธ์ ที่ผ่านมากองทัพพยายามที่จะแก้ไขเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง โดยเน้นไปที่เรื่องการสร้างความรับรู้ เพื่อปกป้องเกียรติยศและศักดิ์ศรีขององค์กร แต่ทั้งหมดเป็นการกระทำโดยเปิดเผย
พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ในกรณีพบความไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม มีขั้นตอนการดำเนินการ เช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ และเรื่องการหมิ่นประมาท โดยขั้นตอนในการดำเนินการมีเป้าหมาย คือ บุคคลที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก อาจรวมไปถึงนักการเมืองหรือนักวิชาการด้วย ที่จะอยู่ในกลุ่มดังกล่าวเนื่องจากสังคมให้ความสนใจ ซึ่งการติดตามจากกองทัพไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะสุดท้ายเราจะต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริง ขณะที่เป้าหมายอื่น เช่น ผู้ที่มีทัศนคติไม่ดีกับทหาร โดยมีความต้องการให้สังคมรับรู้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง
"ขอย้ำว่า ไม่ได้โกรธ หรือตั้งตัวเป็นคู่ขัดแย้ง แต่ยอมรับว่ากองทัพบกใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ ในช่องทางออนไลน์ แต่ทำในลักษณะเปิดเผย ส่วนต่างๆที่ออกมาโจมตีนักการเมือง และมีการแอบอ้างว่าเป็นทหาร ไม่ใช่ หน่วยงานกองทัพ และหากพบเหตุในลักษณะนั้นก็สามารถดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้" โฆษกกองทัพบก ชี้แจง.







