‘เกมซ่อนเงื่อน’เขย่ารัฐบาล ‘พท.+กล้าธรรม VS ภท.’ ปม‘พีระพันธุ์'ลามรทสช.

‘เกมซ่อนเงื่อน’เขย่ารัฐบาล ‘นิติสงคราม’รุกคืบ พรรคร่วมฯซ่อนไพ่ตาย ‘พท.+กล้าธรรม VS ภท.’ บ่วง‘พีระพันธุ์’เกมบีบ รทสช.
KEY
POINTS
- สถานการณ์ “พรรคร่วมรัฐบาล”ที่ถูก“ตัดจบปมร้าว” ตรงที่ “11พรรค” 323 เสียงยังคงกอดคอร่วมรัฐบาล แต่ในสภาวะของการเป็น “รัฐบาลผสม” ไม่มีพรรคใดชิงเกมดุลอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงได้เห็นฉากสะท้อนภาพ “เกมซ่อนเงื่อน”
-
ผลเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ซึ่ง “ตั๋วผู้แทน”เปลี่ยนมือจากภูมิใจไทย ไปอยู่ที่กล้าธรรม มีการจับตาว่า อาจบันไดขั้นแรก หนุนให้ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ผู้นำตัวจริงแห่งพรรคกล้าธรรม สร้างพาวเวอร์ต่อรองทั้งใน “ระยะยาว” และ “ระยะสั้น”
-
เพื่อไทย-ภูมิใจไทย ที่กำลังเล่นบท “ทนอยู่” หรือ “อยู่ทน” กอดคอร่วมรัฐบาลหรือแท้จริงแล้ว เพียงแค่การประคับประคอง เพื่อรอจังหวะ “สมการพลิก”
-
“รวมไทยสร้างชาติ” มองเผินๆ ดูเหมือน “คลื่นลม”ภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะสงบ แต่เวลานี้กลับเผชิญ“เกมนิติสงคราม” จากปมยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ผู้เป็นหัวหน้าพรรค
สถานการณ์ “พรรคร่วมรัฐบาล” ล่าสุดดูเหมือนจะถูก“ตัดจบปมร้าว” จากสารพัดปมร้อน ตรงที่ “11 พรรค” 323 เสียง ยังคงกอดคอร่วมรัฐบาล ไม่มีการเตะพรรคใดพรรคหนึ่ง ออกจากสมการ
เป็นไปตามคำให้สัมภาษณ์ของ “ทักษิณ ชินวัตร” บิดานายกฯ พูดระหว่างลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ยืนยันเสียงแข็ง สูตรเตะบางพรรคออกจากพรรคร่วมรัฐบาล “ไม่มี ไม่เคยคิดว่าจะให้ใครออกไปเป็นฝ่ายค้าน ไม่มีความคิดตรงนั้น”
อย่างที่รู้กัน ภายใต้สภาวะของการเป็น “รัฐบาลผสม” ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่ชิงเกมดุลอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่แปลกที่จนถึงวินาทีนี้ จะได้เห็นฉากการเมืองสะท้อนภาพ “เกมซ่อนเงื่อน” ที่ต่างฝ่ายต่าง“ซ่อนไพ่” เพื่อต่อรองช่วงชิงความได้เปรียบ
ท่ามกลางข่าวคราว “ปรับครม.แพทองธาร” ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นหลังผ่านพ้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 วาระแรกในวันที่ 28-30 พ.ค.นี้ เวลานี้เริ่มมีการ “ปล่อยชื่อ”บรรดา“รัฐมนตรี-ว่าที่รัฐมนตรี”ออกมาให้ลุ้นกันเป็นระยะ
ไม่ต่างจากท่าทีของ “บิดานายกฯ” ที่พูดชัดว่า การปรับ ครม.รอบนี้ จะเป็นการปรับทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล “ไหนๆ จะปรับ ก็ต้องปรับทีเดียว”
จึงต้องจับตาสารพัด “เกมต่อรอง” ภายในซีกรัฐบาล อาจกำลังเปิดฉากเป็นระยะเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นผลเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 ซึ่ง “ตั๋วผู้แทน”เปลี่ยนมือจากภูมิใจไทย ไปอยู่ที่“สจ.บิ๊กโอ” ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ แห่งพรรคกล้าธรรม
จึงมีการจับตาว่า จากชัยชนะของ “ก้องเกียรติ” นี้เอง ที่จะเป็นบันไดขั้นแรก หนุนให้ “ธรรมนัส พรหมเผ่า” ผู้นำตัวจริงแห่งพรรคกล้าธรรม สร้างพาวเวอร์ต่อรองทั้งใน “ระยะยาว” คือการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2570
โดยเฉพาะการขยับชั้น เทียบกับคีย์แมนภาคใต้สีต่างๆ อาทิ “โกเกี๊ย” พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้ ค่ายภูมิใจไทย แถมเบียดพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมไปในคราวเดียวกันอีกด้วย
เกมยาว“เพื่อไทย+กล้าธรรมVSภูมิใจไทย”
สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวที่ว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า“นายใหญ่”เพื่อไทย จะเรียกใช้บริการ“ซุ้มผู้กอง”เป็นพรรคสาขา ในการช่วงชิงฐานเสียงภาคใต้ เพื่อปิดจุดอ่อนของพรรคเพื่อไทย ที่คะแนนนิยมพื้นที่ด้ามขวานติดลบ วางยุทธศาสตร์คู่ขนานไปกับพรรคประชาชาติ ที่แบ่งพื้นที่รุกโซนด้ามขวานตอนล่าง
ขณะที่พาวเวอร์ต่อรองใน “ระยะสั้น” แน่นอนว่า เมื่อกล้าธรรมมี สส.เพิ่มจากเดิม 24 คนเป็น 25 คนบวก “เอกราช ช่างเหลา” สส.ขอนแก่น ซึ่งถูกขับออกจากพรรคภูมิใจไทย รอเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม อย่างเป็นทางการ รวมเป็นสส.26คน
ยังไม่นับรวม สส.ในฟาร์มงูเห่า โดยเฉพาะ “2 สส.ฝ่ายค้าน” คือ “กาญจนา จังหวะ” สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ “ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” หรือ ปูอัด สส.กทม.พรรคไทยก้าวหน้า ทั้ง2 คน ประกาศชัดเจน รอวันว. เวลาน. ย้ายเข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม
เหนือไปกว่านั้นยังมีตัวเลข สส.ฝ่ายค้าน ที่จะเข้ามาเพิ่มเติมตามที่ผู้กองประกาศว่า “ภายในสัปดาห์นี้ พรรคกล้าธรรมจะมีคนจากพรรคฝ่ายค้าน ประกาศอยากจะเข้ามาอยู่กับเรา”
แน่นอนว่า การขยับขึ้นชั้นของ “ธรรมนัส” ในเวลานี้ ซึ่งเจ้าตัวเคลมว่า มีสส.ในมือ 30+ เทียบชั้นรวมไทยสร้างชาติ ในฐานะพรรค อันดับ 3 ในขั้วรัฐบาล
ย่อมเป็นการตอกย้ำ “ฉากต่อรอง” โดยเฉพาะสัญญาณ “ปรับครม.” ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะหากยึดสูตร “10 สส.” ต่อ “1 รมต.” เท่ากับว่า กล้าธรรมมีโอกาสขยับโควตาถึง 3 ที่นั่ง
ต้องจับตาสูตร“ครม.แพทองธาร 2” โดยเฉพาะ “กระทรวงเกษตร”และ“กระทรวงพาณิชย์” กำลังถูกโยนหินถามทางในเวลานี้ จะมีการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงหรือไม่อย่างไร
“โพยฮั้วสว.-กาสิโน” พท.-ภท.จังหวะทิ้งไพ่
ส่วน “พรรคภูมิใจไทย” ในฐานะพรรคลำดับสอง ในซีกรัฐบาลเวลานี้ มองเผินๆเหมือนคลื่นลมจะสงบลงชั่วขณะ หลังสมการเขี่ยพ้นรัฐบาล ถูกตีตกโดย "นายใหญ่" พรรคเพื่อไทย
ทว่ายามนี้กำลังถูกจับตาว่า ถึงที่สุดจะเล่นบท “ทนอยู่” หรือ “อยู่ทน” กอดคอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไปจนสุดทางได้หรือไม่ อย่างไร
หรือแท้จริงแล้ว เพียงแค่การประคับประคอง เพื่อรอจังหวะ “สมการพลิก” โดยเฉพาะคดี 44 สส.พรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งจะถูกชี้ชะตาในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้
เช่นเดียวกับหลากหลายสารพัดปมร้อน ที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นการแสดงจุดยืน ค้านกาสิโน ของ “ไชยชนก ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย “ลูกนายใหญ่สีน้ำเงิน” ซึ่งถูกตัดจบ ที่การแสดงความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรคภูมิใจไทย
ทว่า ประเด็นนี้ยังแฝงไปด้วย“เกมซ่อนกล” โดยเฉพาะการใช้ “เกมสภาสูง”ตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือกมธ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มี “หมอวี” วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว.เป็นประธาน
โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ชุดนี้ถูกเซ็ตขึ้นมา เพื่อใช้เป็นหมากต่อรองระหว่าง “เพื่อไทย”และ“ภูมิใจไทย”
โดยเฉพาะประเด็นทำเลที่ตั้งของเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีกาสิโน 10% หรือความพยายามในการผลักดัน “กฎหมายพนันออนไลน์” ซึ่งที่ผ่านมา “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พยายามโชว์บทบาทการเป็นเจ้าภาพในการขับเคลื่อน รวมถึงมีอำนาจรักษาการตาม พ.ร.บ.
อีกทั้งยังมีประเด็นร้อน กรณีสอบ “โพยฮั้วสว.” หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับ“คดีฟอกเงิน”ไว้เป็นคดีพิเศษ ล่าสุดยังขยายผล “อั้งยี่ซ่องโจร”เพิ่มอีกหนึ่งคดี แถมลงพื้นที่จำลองเหตุการณ์ไปเมื่อวันที่25เม.ย.
ยังไม่นับรวมกระแสข่าว “ปรับครม.” เปิดดีลแลกกระทรวง ระหว่าง 2 พรรคในเวลานี้
ฉะนั้น ไม่ว่า“เพื่อไทย”และ“ภูมิใจไทย”กำลังเล่นบท “อยู่ทน”หรือ“ทนอยู่” กอดคอร่วมรัฐบาล แต่จากหลายปมร้อนที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ย่อมเป็นการตอกย้ำถึงเกมต่อรองระหว่าง“แดง”และ“น้ำเงิน” ที่ต่างฝ่ายต่าง“ซ่อนไพ่”ไว้อีกหลายใบ
นิติสงครามรุก“พีระพันธุ์”เขย่ารทสช.
ขณะที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ในฐานะพรรคลำดับ 3 ในขั้วรัฐบาล มองเผินๆ ดูเหมือน “คลื่นลม”ภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะสงบ
แต่เวลานี้กลับเผชิญ“เกมนิติสงคราม” จากปมยื่นตรวจสอบคุณสมบัติ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่มีชื่อเป็นกรรมการในบริษัทเอกชน ซึ่งอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี
ปฏิบัติการยื่นตรวจสอบ ในช่วงเวลาที่มีข่าวคราว“ปรับครม.” ย่อมถูกโยงไปที่เกมเตะตัดขา ท่ามกลางการโยนสูตรเขย่าใหญ่ภายในขั้วรัฐบาลอย่างเลี่ยงไม่พ้น
สอดคล้องกับที่ “ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ตั้งข้อสังเกตไปถึงเกมเตะตัดขาที่เกิดขึ้นว่า “เป็นสิทธิ์ของทุกคน ที่จะคิดไปได้”
ทั้งหมดทั้งมวล เป็นการสะท้อนฉากร้อนการเมือง ที่ต่างฝ่ายต่างถือ“ไพ่”ต่อรองไว้ในมือ เพื่อรอจังหวะทิ้ง“ไพ่ตาย”หลังจากนี้