'รมว.อุตสาหกรรม' จับมือ 'ฝ่ายค้าน' ทลายอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ

"เอกนัฎ" แจงกมธ.ความมั่นคง ปมอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ-ลักลอบนำเข้าผิดกฎหมาย ทำลายธุรกิจคนไทย พร้อมจับมือ ฝ่ายค้าน ทลายธุรกิจต่างด้าวด้อยคุณภาพ
ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการประชุมกมธ. เพื่อพิจารณาศึกษาและติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและชีวิตของประชาชน กรณีการเข้ามาของทุนจีนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในพื้นที่จังหวัดระยอง และภาคตะวันออกทั้งหมด โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม และหน่วยงานท้องถิ่น จ.ระยอง
โดยนายชุติพงศ์ กล่าวว่า ทราบมาว่าการประกอบธุรกิจของนักลงทุนชาวจีนบางส่วนทำให้เกิดปัญหาทั้งสิ่งแวดล้อม การนำเข้ากากสารเคมี โดยนายเอกนัฏได้ร่วมชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของโรงงานศูนย์เหรียญ โรงงานเหล็ก และโรงงานอุตสาหกรรม
ด้านนายเอกนัฏ กล่าวว่า ภารกิจหลักที่ตนทำตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีคือ การปราบธุรกิจอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญซึ่งสร้างปัญหาให้กับประเทศจำนวนมาก ทั้งทำให้สูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะนำวัสดุด้อยคุณภาพมาผลิตสินค้า โดยมีการลักลอบนำเข้า ผลิต และขาย ซึ่งเป็นการทำร้ายธุรกิจของคนไทย สำหรับพฤติกรรมเหล่านี้คือการลดราคาด้วยการลดต้นทุนการผลิต ลดคุณภาพ ในที่สุดก็เป็นปัญหากับประชาชน เพราะไม่ใช่แค่เหล็กอย่างเดียว มีทั้งสายไฟล้อยาง และที่พ้วงมากับทุกผลิตภัณฑ์คือการบริหารจัดการกากของเสียที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของกระทรวง
“คิดว่าวันนี้ถึงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต้องตื่นรู้ และช่วยกัน ผมไม่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้น การแก้ไขต้องใช้เฉพาะกระทรวงอุตสาหรรมอย่างเดียว และล่าสุดนายกฯได้มีคำสั่งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ผมร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิศษ จัดการเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งธุรกิจต่างด้าวที่เข้ามาในประเทศไทย" นายเอกนัฏ กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวด้วยว่า แต่ผมคิดว่าฝั่งรัฐบาลคงไม่พอ คงต้องพึ่งฝ่ายค้าน ซึ่งนายชุติพงศ์ส่งข้อมูลมาให้ตนตลอด ทั้งแต่ก่อน ตึก สตง.ถล่ม แล้ว ทำให้เราสามารถปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นตนมองว่าการจัดการกับคนเหล่านี้ได้ จะพึ่งเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้ ต้องพึ่งสส. และภาคประชาชน เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ ไม่ธรรมดา มีทั้งเงิน อิทธพล และอำนาจ ดังนั้น ตนจึงไม่ปฏิเสธที่จะทำงานร่วมกับใคร หรือฝ่ายค้าน และเมื่อตนได้รับเชิญจากกมธ.จึงให้ความสำคัญกับกลไกสภาฯ และไม่ใช่ปัญหาที่จะเป็นเส้นแบ่งระหว่างพรรคการเมือง.