‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ   พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ จับตา 2 ฉาก ล้างกระดาน‘ส้ม’ สยบอหังการ์ ‘น้ำเงิน’ พท.-ภท.‘ทนอยู่-อยู่ทน’? โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’

KEY

POINTS

  • อนิจจัง“ครม.แพทองธาร” กับ “สูตรคณิตศาสตร์”ภายใต้สถานการณ์ และความมั่นคงทางการเมืองเวลานี้ “คงไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยง จนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า”
  • คำถามว่าที่ว่า โอกาสที่“พรรคเพื่อไทย” จะเตะ“ภูมิใจไทย”ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังมีอยู่หรือไม่ ต้องบอกว่า“ยังไม่เป็นศูนย์” ต้องลุ้นที่“จุดพลิกผัน”อย่างน้อย “2 ฉาก”
  • “คดี 44 สส.” พรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เวลานี้ ยังมีดาบสองในคดี “คดีจริยธรรม”ตัวแปรนี้ ย่อมส่งผลกระทบถึงสมการทางการเมือง
  • ภายใต้สมการการเมือง ท่ามกลางเกมดุลอำนาจ ยังมี ฉากที่สอง ที่ต้องจับตา คือ“คดีโพยฮั้วสว.” 

อนิจจัง“ครม.แพทองธาร” ข่าวคราวหักดิบ เตะ“ภูมิใจไทย”พ้นรัฐบาล ดึง“พลังประชารัฐ”เสียบแทน ถูกตัดจบที่ นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า “คำถามนี้แรง ยังไม่มีอย่างนั้นนะคะ ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนเดิมอยู่”

ไม่ต่างจากคำให้สัมภาษณ์ของ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย หยิบยก “สูตรคณิตศาสตร์”ภายใต้สถานการณ์ และความมั่นคงทางการเมืองเวลานี้ คงไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยง จนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า”

ต้องยอมรับว่า การแสดงท่าทีของนายกฯ และแกนนำพรรคเพื่อไทยเช่นนี้ อาจขัดอกขัดใจ “พลพรรคสีแดง”บางกลุ่มก๊วน ที่ส่งเสียงเชียร์ให้ “นายใหญ่” หักดิบ เตะสีน้ำเงินออกสมการ เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามตำใจ ต้องอยู่ในสภาวะจำใจยอมรับ ไปโดยปริยาย 

ทว่า การที่เกมออกรูปนี้ นั่นเป็นเพราะทั้ง “นายใหญ่-นายน้อย” รวมถึงคีย์แมนพรรคไทย ย่อมต้องนับนิ้วบวกลบคูณหาร ประเมินความคุ้มดี-คุ้มเสีย ให้รอบคอบ ก่อนว่า การขับภูมิใจไทยออกในช่วงเวลานี้ แม้จะสามารถดูดเสียงบางพรรคเข้ามาทดแทน เพื่อประคับประคองเสถียรภาพรัฐบาลไปได้ แต่นั่นอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ในสมการรัฐบาลที่มั่นคง 

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ   พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

อย่าลืมว่า นอกจากสภาฯ ล่างแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ นั่นคือ เสียง“สภาสูง” ที่เวลานี้ ยังถูกรวบอำนาจไว้ที่ “สีน้ำเงิน” ฉะนั้นต่อให้ช่วงชิงอำนาจสภาล่างมาได้ ก็ยังมี “หมากสภาสูง” ที่เข้ามากวนใจอยู่ดี 

ยังไม่นับรวม “เงื่อนไขพิเศษ” ที่ถูกหยิบยกมากล่าวอ้างซึ่ง “นายใหญ่” เพื่อไทยรู้ดีว่า สำคัญไม่แพ้สูตรคณิตศาสตร์การเมือง 

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเพราะ“เพื่อไทย”และ“ภูมิใจไทย” จำต้อง“ทนอยู่” หรือ“อยู่ทน”กอดคอร่วมรัฐบาลร่วมกันเพื่อประคับประคองเสียงรัฐบาลไม่ให้ตกอยู่ในสภาวะปริ่มน้ำแต่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย อาจต้องลุ้นกันอีกหลายฉากหลายตอน

คำถามว่าที่ว่า โอกาสที่“พรรคเพื่อไทย” จะเตะ“ภูมิใจไทย”ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลยังมีอยู่หรือไม่ ต้องบอกว่า“ยังไม่เป็นศูนย์” 

หากนับเสียงที่แต่ละฝ่ายมีอยู่ในมือเวลานี้  “พรรคร่วมรัฐบาล” มี323 (เสียงเดิม)+7 (เสียงฝ่ายค้าน) รวมเป็น 330 เสียง แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 142 เสียง  พรรคภูมิใจไทย 69 เสียง (จาก 71 เสียง มุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส.นครศรีธรรมราช ถูกตัดสิทธิ รอเลือกตั้งใหม่ เอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เตรียมย้ายไปพรรคกล้าธรรม) พรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง 

พรรคกล้าธรรม 24 เสียงเดิม บวก “กาญจนา จังหวะ”สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ “ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์” หรือ ปูอัด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยก้าวหน้า  และ “เอกราช” ซึ่งถูกขับออกจากพรรคภูมิใจไทย ทั้ง 3 คน ประกาศชัดเจน เตรียมย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม รวมแล้วพรรคกล้าธรรมจะมี 27 เสียง  

พรรคประชาธิปัตย์ 20 เสียง (จาก 25 เสียง) พรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรคไทยรวมพลัง 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง และพรรคไทยสร้างไทย 5 เสียง (โหวตสวนมติฝ่ายค้านไว้วางใจนายกฯ)

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ   พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

ขณะที่ “ฝ่ายค้าน” ที่แต่เดิมมีเสียงในมือ 164 เสียงแบ่งเป็น พรรคประชาชน 143 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง (จาก 20 เสียง) พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง 

จริงอยู่ หากตัด “ภูมิใจไทย” ออกรัฐบาล จะเหลือเสียงปริ่มน้ำที่ 261 ส่วนฝ่ายค้านมีเสียงในมือเพิ่มเป็น 233 เสียง ต่างกันไม่มาก 

ทว่า สมการนี้อาจต้องลุ้นที่“จุดพลิกผัน”ทางการเมือง ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างน้อยยังมีลุ้นอีก “2 ฉาก” ที่ต้องจับตา 

คดี“44 สส.ก้าวไกล”จุดพลิกสมการ

ฉากแรก : คดี “44 สส.พรรคก้าวไกล” ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อาจได้เห็นบทสรุปในเร็ววันนี้ หากออกมาเป็นลบ ย่อมส่งผลให้เสียงฝ่ายค้านหายไปค่อนกระดาน 

เห็นชัดจากท่าที “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อ่านเกมทะลุปรุโปร่ง ไปถึงสูตรขับพรรคภูมิใจไทยออกจากพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่มีการดึงพรรคใดไปเสียบแทน หรือหาเสียงในสภาฯ ไม่ได้ใกล้เคียงกับจำนวนที่หายไป นั่นหมายความว่า “ขั้วรัฐบาล” จะมีเสียงปริ่มน้ำทันที 

เว้นเสียแต่ว่าจะเกิด “จุดพลิกสมการ” นั่นคือ “คดี 44 สส.” พรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เวลานี้ ยังมีดาบสองจากคดียุบพรรค ในคดี “คดีจริยธรรม” ค้างคาอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. 

“หัวหน้าพรรคส้ม”ยอมรับว่า คดีนี้อาจส่งผลกระทบต่อ “25 ส.ส.”ที่แปลงสภาพมาเป็น สส.พรรคประชาชนในเวลานี้ ซึ่งตัวแปรต่างๆ เหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบถึงสมการทางการเมือง

สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีข่าวปล่อยออกมา อ้างว่าเป็น “เอกสารหลุด”  จากป.ป.ช. จะมีอย่างน้อย “12 คน” อยู่ในกลุ่มเสี่ยงถูกล็อกเป้า “ตัดสิทธิทางการเมือง” 

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ   พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

 จับตา“4กลุ่ม” ยกเข่ง-ปลาแยกน้ำ?

ตามข่าว ยังบอกอีกว่า ป.ป.ช.มีการแบ่งกลุ่ม สส.เหล่านี้ไว้ 4 กลุ่ม แบ่งเป็น

กลุ่มที่ 1 กลุ่มที่มีพฤติการณ์พิเศษ และสมัครรับเลือกตั้งปี 2566 ( หาเสียง ประกันตัวผู้ต้องหาคดี ม.112  ดูแนวตามคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ) กลุ่มนี้มี 12 คน ล้วนเป็น สส.ตัวตึง เช่น วิโรจน์ ลักขณาอดิศร รังสิมนต์ โรม ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ศริกัญญา ตันสกุล เป็นต้น กลุ่มนี้ถูก“ล็อกเป้า” ว่าจะโดนตัดสิทธิทางการเมืองแน่ๆ

กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่มีพฤติการณ์พิเศษ แต่ไม่สมัครรับเลือกตั้ง มี 2 คน คือ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ซึ่ง 2 คนนี้ จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเช่นกัน

กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ไม่มีพฤติการณ์พิเศษ และรับสมัครเลือกตั้ง ปี 2566 (กลุ่มที่ลงชื่อแก้ ม.112) กลุ่มนี้ใหญ่สุด มีทั้งหมด 23 คน

กลุ่มที่ 4 กลุ่มไม่มีพฤติการณ์พิเศษ และไม่ได้สมัครรับ เลือกตั้ง มี 7 คน อาทิ พล.ต.ต. สุพิศาล ภักดีนฤนาถ

ในส่วนของกลุ่มที่กลุ่ม 3 และกลุ่ม 4 มีการจับตาว่า ยังมีโอกาสต่อสู้ในแง่ที่ว่า แม้จะร่วมลงชื่อแก้ม.112 แต่ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งหยุดพฤติกรรมดังกล่าว ขณะที่การแก้ไข ม.112 ก็ยังไม่เกิดขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมไม่ได้“สุดโต่ง”เหมือน 2 กลุ่มแรก จึงมีลุ้นว่ากลุ่มนี้ยังมีโอกาส “รอด”จาก“โทษแบน”ทางการเมือง 

‘คดี 44 สส.-ฮั้วสว.’พลิกสมการ   พท.-ภท.โอกาสหักดิบ‘ไม่เป็นศูนย์’?

 โพยสว.ล้าง“สีน้ำเงิน”สยบอหังการ์

เหนือไปกว่านั้น ภายใต้สมการการเมือง ท่ามกลางเกมดุลอำนาจ ยังมี ฉากที่สอง ที่ต้องจับตา คือ“คดีโพยฮั้วสว.” ที่ยังค้างอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต.คดีทุจริตเลือกตั้ง รวมถึงในกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ หลังคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.)รับเรื่องคดีฟอกเงินไว้พิจารณา  

ก่อนหน้านี้ มีการเปิดเผยเอกสารหลุด อ้างถึงข้อมูลที่ดีเอสไอมีอยู่ในมือ คือ“โพย” ล็อกเบอร์ 20 กลุ่ม“140 คน” โดยมีทั้ง นายพลทหาร ตำรวจ รวมถึงบุคคลแทบทุกแวดวง ติดอยู่ในโพย

สอดรับกับกระแสข่าว การชิงเกมในจังหวะสอบ“โพยฮั้ว” เปิดตลาดดูดสว. โดยเฉพาะกลุ่มสายสีน้ำเงินอ่อน เพื่อสยบอหังการ์พรรคสีน้ำเงิน ไม่ให้กินรวบสภาสูง ปิดโอกาสใช้ สว.เป็นแต้มต่อรองทางการเมืองได้อีกต่อไป

ต้องจับตาจังหวะและโอกาส จะมีปฏิบัติการ“หักดิบ”ภายในขั้วรัฐบาลหรือไม่ เพราะสุดท้ายคำตอบอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้