ลับๆ ล่อๆ นอมินี ‘สีน้ำเงิน’ ทุบ‘กาสิโน’ ดัน‘พนันออนไลน์’

ฉากที่ "สว.สีน้ำเงิน" กำหนดผ่าน กมธ.เอนเทอร์เทนเมนต์ฯ คือ สร้างภาพ "ค้านกาสิโน" ไม่เอาโปรเจคของ "เพื่อไทย" ทว่านัยที่ซ่อนอยู่คือ ดันวาระ "พนันออนไลน์" ให้ถูกกฎหมาย
KEY
POINTS
Key Point :
- แม้เป็นเจตนาดีที่ "วุฒิสภา" ตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ทว่ามีนัยการเมืองที่แฝงอยู่
- หลังการประกาศกร้าวของ "แกนนำภูมิใจไทย" ที่ไม่หนุน กม.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของ "เพื่อไทย"
- แม้รัฐบาลจะถอยร่างกฎหมาย แต่ "สว.สีน้ำเงิน" ยังเดินหน้าทำงานเรื่องนี้
- นัดแรกของการประชุมได้เห็นเค้าลางของโจทย์ที่วางไว้ คือ "ค้านเรื่องกาสิโน" โดยให้ สว.ที่มีจุดยืนไม่เอากาสิโน เป็นผู้นำทัพ
- ขณะเดียวกัน ได้ให้ "นอมินีสีน้ำเงิน" เข้ามาดันเรื่อง "พนันออนไลน์" ให้ถูกกฎหมาย โดยหวังว่าจะอ้างอิงการศึกษานี้ เป็นจุดสนับสนุน
- ด้วยข้ออ้างที่ว่า "พนันออนไลน์" ถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ เหมือนกัน เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่พ่วงกาสิโน เช่นกัน
นับหนึ่งการทำงานแล้ว สำหรับ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วุฒิสภา โดยการประชุมนัดแรก 23 เม.ย. คือ การเลือกตำแหน่งประธานกมธ. และตำแหน่งต่างๆ
ผลปรากฏว่า มติที่ประชุม 17 เสียงจากผู้เข้าประชุม 23 คน เลือก “วีระพันธ์ สุวรรณนามัย” หรือ “หมอวี” สังกัดสีน้ำเงินอ่อน ทำหน้าที่ประธานกมธ. เพราะ กมธ.ส่วนใหญ่มองว่า มีความน่าเชื่อถือ และเป็นกลาง อีกทั้งได้รับเสียงหนุนจาก “กมธ.คนนอก” เพราะก่อนหน้านั้น “หมอวี” แสดงจุดยืนชัดเจนต่อต้าน “กาสิโน”
ขณะที่คู่แข่ง อย่าง สว. “สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม” ได้ 5 คะแนน จึงได้นั่งรองประธาน กมธ.คนที่หนึ่ง เป็นการปลอบใจ
สำหรับการประชุมนัดแรก โดยปกติทั่วไป นอกจากการวางคนให้ตรงกับงานแล้ว ยังต้องวางกรอบ รวมถึงยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง แต่ด้วยความหลากหลายของ กมธ.ที่รวมตัวตึง ทั้ง สว.หลายสาย
รวมถึงคนนอกที่ประกอบด้วย นักวิชาการสายพันธมิตรฯ-คณะหลอมรวม-สายสีน้ำเงิน จึงทำให้กรอบการทำงาน แตกแขนงออกเป็นหลายสาย และมีหลายแง่มุมความคิด
เวทีนัดแรก จึงกลายเป็นที่ระบาย ให้แต่ละคนเปิดใจ แสดงจุดยืนของตนเอง
บทสรุปของการเปิดใจครั้งนี้ ทำให้ประจักษ์ชัดว่า กมธ.ถูกแบ่งเป็น 2 สาย คือ “ฝ่ายสนับสนุน” กับ “ฝ่ายคัดค้าน” เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่พ่วงกาสิโน
สำหรับฝ่ายคัดค้านนั้น ได้ตั้งโจทย์ค้าน “นโยบายของรัฐบาล-พรรคเพื่อไทย” ที่พวกเขามองว่า สอดไส้ “การเปิดบ่อนเสรี-บ่อนถูกกฎหมาย” แม้ว่าเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะเป็นแนวคิดหารายได้ใหม่ ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะทำให้เกิดการลงทุนภายในประเทศ และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ทว่าการแฝง “กาสิโน” เข้ามาด้วยนั้น คือ สิ่งที่รับไม่ได้ เพราะเชื่อว่าจะมีผลกระทบมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ
โดย “ฝ่ายคัดค้าน” ได้เสนอแนวความคิดที่ต้องการชี้ชัดผลการศึกษาว่า “การเปิดสถานบันเทิงครบวงจร” ที่ “พ่วงกาสิโน” นั้น เป็นแนวทางที่ไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะการกำหนดพื้นที่ “ท่าเรือคลองเตย” เป็นแลนด์มาร์คทำโปรเจกต์นี้ของรัฐบาล
ขณะที่ “ฝ่ายสนับสนุน” กลับไม่ได้แสดงความชัดเจนในที่ประชุม แต่เสนอให้นำแนวคิด ที่มาที่ไป การยกร่าง พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ... ของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร มาพิจารณา อย่างน้อยเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันของ กมธ.และเป็นโอกาสที่จะสื่อสารให้ “คนวงนอกรัฐบาล” ได้เข้าใจในแนวคิด
โดยนัยคือหวังลดกระแสคัดค้าน
ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “คนนอก” ที่ถูกเลือกอย่างเฉพาะเจาะจงให้เป็นกมธ.นั้น มาจาก “ฝ่ายค้านกาสิโน” ในระดับแกนนำ ทั้ง แก้วสรร อติโพธิ คำนูณ สิทธิสมาน เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จรัญ ภักดีธนากุล ขณะที่รัฐบาลก็ยังไม่ลดละในการผลักดัน ร่างพ.ร.บ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณา
ดังนั้น หากเปิดโอกาสให้ตัวแทนรัฐบาลเข้าชี้แจง และอธิบายถึงเหตุผลความจำเป็น จึงอาจเป็นช่องทาง “ดับร้อน” ภายนอก และเกื้อหนุนให้การทำงานภายใต้ กมธ.วุฒิสภา เพื่อลดอุปสรรค ลดการถูกขวางจากความเห็นต่างลงได้
ในการประชุมนัดแรก นอกจากเลือกประธานกมธ.แล้ว ยังพบความน่าสนใจ คือ “กมธ.คนนอก” อย่างน้อย 3 คน ได้รับตำแหน่งในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ "ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อธิบดีกรมการปกครอง ที่ถูกวางตัวให้เป็นประธานกมธ. แต่กลัวยี่ห้อสายตรงบุรีรัมย์ อาจทำให้การเดินเกมเสียขบวน จึงถูกปรับให้เป็น “ที่ปรึกษา กมธ.”
ต่อด้วย “แสนศักดิ์ ศิริพานิช” อดีตหัวหน้าทีมยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐภาคใต้ ที่ปัจจุบันมีตำแหน่งนักวิชาการในสถาบันการศึกษา และ “กัญญารัตน์ โคตรภูเขียว” นักวิชาการคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ได้ตำแหน่ง “รองเลขาธิการ” ทั้งคู่
ว่ากันว่า ในการศึกษาของ กมธ.วุฒิสภาครั้งนี้ นอกจากเฉพาะเจาะจงเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรแล้ว ยังมีภารกิจในการผลักดันร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีที่มาจากหน่วยงานของ “มหาดไทย” ในฐานะหน่วยงานทางปกครอง ที่มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแล
การวางตัวให้ “อธิบดีกรมการปกครอง” และ “2 นักวิชาการ” ที่คร่ำหวอดงานสภาฯ ภายใต้ กมธ.หลายคณะของสภาฯ จึงถูกคาดหวัง ว่าจะเป็น “มือปั้น” ในฟากเครือข่ายสีน้ำเงิน ที่ลึกๆ แล้วต้องการผลักดันโปรเจกต์ของตัวเองให้อยู่ในรายงานศึกษาของวุฒิสภา เพื่ออนาคตจะถูกนำไปอ้างอิงถึง การขยายผลต่อในเชิงนโยบาย และทางการเมือง
ดังนั้น ในเวทีนัดแรกของกมธ.เอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จากเดิมที่ถูกตั้งแง่ว่าเป็นฝ่ายค้าน “กาสิโน” เอาเข้าจริงแล้ว อาจเป็นเกม ผ่าน “นอมินีสีน้ำเงิน” ที่วางหมาก ปูทางขยับ “พนันออนไลน์” ที่ซุกใต้ดิน ให้ขึ้นมาผงาดบนดิน
ด้วยข้ออ้างว่า จะได้ประโยชน์จาก “เศรษฐกิจนอกระบบ” ไม่ต่างจากเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยอ้างประโยชน์เรื่องรายได้ประเทศ ที่อาจแฝงด้วยการสมประโยชน์ของ “นายทุน-นักการเมือง” บางค่าย.