3 ปม สปส.ควัก 7 พันล.ซื้อ Skyy9 ‘พรรคส้ม’ ใช้กลไกสภาฯ สอบคู่ขนาน

พลิกปูมข้อมูล สปส.ควัก 7 พันล้านใช้ “ทรัสต์” ซื้อบริษัทให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 จนถูกวิจารณ์สนั่น ผ่านมาเกือบ 2 เดือน ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สปส.ล่มประชุมบอร์ด
KEY
POINTS
- พลิกปูมข้อมูล สปส.ควัก 7 พันล้านใช้ “ทรัสต์” ซื้อบริษัทให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 จนถูกวิจารณ์สนั่น
- ผ่านมาเกือบ 2 เดือน ยังไม่มีอะไรคืบหน้า สปส.ล่มประชุมบอร์ด 8 เม.ย. เลื่อนไม่มีกำหนด อ้างรอ กก.ชุด มท.สอบให้เสร็จก่อน ซึ่งจะครบกำหนด 90 วันช่วง มิ.ย. 68
- ขมวด 3 ปมใหญ่ สปส.ยังตอบไม่เคลียร์ “ความคุ้มค่า-เด็กหน้าห้องบิ๊กนักการเมือง-ใครได้ประโยชน์”
ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว สำหรับเงื่อนงำกองทุนประกันสังคม ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) นำเงินราว 1 หมื่นล้านบาทไปจัดตั้ง “กองทุนทรัสต์” โดย 3 พันล้านบาทไปลงทุนในต่างประเทศ อีกราว 7 พันล้านบาท นำไปซื้อ “บริษัท” ที่มีหนี้สินราว 2 พันล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 บริเวณพระราม 9 ถ.อโศก-ดินแดง โดยมี 2 หัวหอกพรรคส้มอย่าง สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี และรักชนก ศรีนอก สส.กทม. เป็นตัวตั้งตัวตี นำตรวจสอบ
"กรุงเทพธุรกิจ" นำเสนอไปแล้วว่า “กองทุนทรัสต์” ที่อนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ตัดสินใจใช้งบเฉียด 7 พันล้านบาทไปซื้อ “บริษัท” ซึ่งมีหนี้ราว 2 พันล้านบาท และได้อาคาร Skyy9 มาด้วย คือ บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด โดยมีบริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม เซเว่น” คือ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท โดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตี เป็นกองทุนของประกันสังคม
ทว่าเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนเรื่องนี้จะยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะฝ่าย สปส.นอกจากคำชี้แจงแล้ว ยังไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกใด ๆ อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน โดยอ้างว่า ยังอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ชุดที่กระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งขึ้นซึ่งมีกรอบดำเนินการ 90 วัน นั่นหมายความว่า จะไปสิ้นสุดลงในช่วงเดือน มิ.ย.2568
ทั้งนี้ มีความเคลื่อนไหวว่า วันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา เดิมทีจะมีการประชุมเพื่อตรวจสอบดูรายละเอียดการลงทุนในอาคาร Skyy9 แต่ผู้อำนวยการกองบริหารการลงทุน และสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กลับมีคำสั่ง“เลื่อน” เพื่อดูข้อมูลกรณีการลงทุนในตึก Skyy9 ของบอร์ด และอนุกรรมการ 3 คณะ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่า ยังอยู่ระหว่างการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯชุดมหาดไทย
ความคืบหน้าล่าสุด พรรคประชาชน(ปชน.)ในฐานะฝ่ายค้านจึงใช้กลไกในสภาฯ โดย กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ที่มี สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ ปชน.เป็นประธาน กมธ. ได้นัดหมาย 24 เม.ย.นี้ เชิญตัวแทนจาก ก.ล.ต. บริษัทผู้จัดการกอง Trust บริษัทผู้ทำหน้าที่ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ 2 ราย และบริษัทที่ทำหน้าที่ประเมินมูลค่าหุ้นที่ปรึกษาการเงินอิสระ 1 ราย (IFA) มาให้ข้อมูลต่อ กมธ.
ทำให้สังคมเริ่มจับตา เบื้องลึกฉากหลัง เหตุผลของ สปส.ในการตั้ง “ทรัสต์” เพื่อเข้าไปลงทุนซื้อบริษัทกว่า 7 พันล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 ดังกล่าว
"กรุงเทพธุรกิจ" ขมวดข้อเท็จจริง-พิรุธ เกี่ยวกับการลงทุนซื้ออาคาร Skyy9 ดังกล่าวมานำเสนออีกครั้ง ดังนี้
กระบวนการการซื้อตึกดังกล่าว มี 5 บริษัทมาเกี่ยวข้อง ขั้นตอนการดำเนินงาน กองทุนทรัสต์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อตึก Skyy9 นั้น ใช้ MFC เป็นทรัสต์เมเนเจอร์ ใช้ KTAM เป็นทรัสตี ใช้ JLL เป็นผู้จัดการตึก และใช้ผู้ประเมินอิสระ 2 บริษัท เป็นผู้ประเมินราคาตึก ซึ่ง “กองทุนทรัสต์” ที่ KTAM เป็นทรัสตีนั้น พบว่า เข้าถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม เซเว่น” ที่มีหนี้สินราว 2 พันล้านบาท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม ไนน์ฯ” เจ้าของอาคาร Skyy9
ส่วน 2 ผู้ประเมินอิสระของ สปส.ก่อนลงทุนซื้อบริษัทที่ครอบครองอาคาร Skyy9 ดังกล่าวนั้น กรุงเทพธุรกิจ พบว่า คือ บริษัท ซีพีเอ็ม แคปปิทัล จำกัด ที่คำนวณมูลค่าปัจจุบันตึกดังกล่าว 7,407 ล้านบาท วิเคราะห์มูลค่าต้นทุนตึกปัจจุบัน 7,808.35 ล้านบาท และบริษัท เอ็ดมันด์ ไต แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด คำนวณมูลค่าปัจจุบันตึกดังกล่าว 7,290 ล้านบาท วิเคราะห์มูลค่าต้นทุนตึกปัจจุบัน 8,206.66 ล้านบาท
ประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องราวข้างต้น มีข้อสังเกตบางประการที่ สปส.ยังไม่มีคำตอบ หรือยังไม่มีคำอธิบายให้กระจ่างชัดต่อสาธารณชน ดังนี้
1.การตั้ง “กองทุนทรัสต์” ของ สปส.เพื่อไปลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด วงเงินราว 1 หมื่นล้านบาท โดย 3 พันล้านบาทไปลงทุนต่างประเทศ และเฉียด 7 พันล้านบาทไปลงทุนซื้อบริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด เพื่อไปลงทุนซื้อบริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด) ซึ่งมีหนี้สินราว 2 พันล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 คุ้มค่าคุ้มราคาหรือไม่ เหตุใดถึงไม่ซื้อแค่อาคารเพื่อบริหารจัดการเพียงอย่างเดียว
2.กระบวนการขั้นตอนลงทุนซื้ออาคาร Skyy9 ดังกล่าว 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเปิดโปงเรื่องราวข้างต้น ตั้งคำถามว่า มี 2 ตัวละครสำคัญที่เคยเป็น “เด็กหน้าห้อง” อดีตบิ๊กเนมการเมืองเข้าไปเกี่ยวพันการลงทุนดังกล่าว โดยใช้ชื่อย่อว่า “นาย ธ.” และ “นายรู”
ต่อมากรุงเทพธุรกิจตรวจสอบพบว่า “นาย ธ.” คือ “ธีระวิทย์ วงศ์เพชร” อดีตคณะทำงานที่ปรึกษา รมว.แรงงาน (สุชาติ ชมกลิ่น) และเคยเป็นคณะทำงานที่ปรึกษา รมว.แรงงาน (พิพัฒน์ รัชกิจประการ) โดยเขายืนยันว่า ถูกเสนอจากบอร์ดใหญ่ประกันสังคมให้เข้าไปนั่งเป็นอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดจริง แต่ไม่มีอำนาจหรือบทบาทในการตัดสินใจ เพียงแค่เข้าไปร่วมประชุม เพื่อรับฟัง และรับทราบการลงทุนเท่านั้น
ส่วน “นายรู” คือ “ธีระพันธุ์ พืชผล” ที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงานในประเทศสิงคโปร์ โดยเคยมีตำแหน่งเป็นนักวิชาการแรงงานชำนาญการ กองบริหารการลงทุน สปส. เข้าไปเป็นอนุกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการในอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด
ทั้งนี้ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ (ปัจจุบันคือ รมว.แรงงาน) ให้สัมภาษณ์ และแถลงต่อสื่อหลายครั้ง ยืนยันข้อเท็จจริงว่า ไม่เคยทราบเรื่อง และไม่เคยก้าวก่าวเกี่ยวกับการลงทุนของบอร์ดประกันสังคม เพราะรัฐมนตรีไม่มีสิทธิเข้าไปสั่งการได้ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในดีลการซื้ออาคาร Skyy9 และไม่เคยส่ง “หน้าห้อง” ไปเป็นหนึ่งในอนุกรรมการที่ปรึกษาสินทรัพย์นอกตลาด ซึ่งมีส่วนตัดสินใจในการลงทุนต่าง ๆ แต่อย่างใด
3.มีเครือข่าย“ลูกชาย”ของ“บิ๊กเนมการเมือง”เข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการซื้อขายอาคาร Skyy9 ครั้งนี้จริงหรือไม่ กรุงเทพธุรกิจตรวจสอบพบว่า ตามไทม์ไลน์การซื้อขายตึกดังกล่าว เกิดขึ้นระหว่างปี 2561-2565 มีการเปลี่ยนมือเจ้าของ 3 คน ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด มหาชน (BAM) ขายต่อด้วยราคาราว 1 พันล้านบาท ให้กับบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเครือข่าย “พร้อมทวีสิทธิ์-พร้อมพัฒน์” จากข้อมูลพบว่า ช่วงการซื้อขายตึกดังกล่าวนั้น ปรากฏชื่อคนสกุล “พร้อมทวีสิทธิ์” เข้าไปเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้นด้วย
ต่อมาในปี 2562 “วอเตอร์เกทฯ” ขายอาคารดังกล่าวต่อด้วยราคาราว 2,175 ล้านบาทให้แก่บริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด ในเครือ “แคส แคปปิตอล” ก่อนนำมารีโนเวทใหม่ในชื่อ Cas Centre หลังจากนั้นในปี 2565 ได้ขายต่อให้กับ “กองทุนทรัสต์” ของ สปส. ซึ่งมีรายงานว่า สปส.ใช้งบราว 7 พันล้านบาทได้มาซึ่งอาคารนี้ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Skyy9 ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี “วอเตอร์เกทฯ” ได้ขายอาคารดังกล่าวให้แก่เครือ “แคส แคปปิตอล” ไปรีโนเวทต่อ ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อขายโดยตรงกับ สปส.แต่อย่างใด นอกจากนี้ “วอเตอร์เกทฯ” ยังมิได้ถูกร้องเรียน หรือถูกกล่าวหาในเรื่องการใช้งบประมาณของกองทุนประกันสังคมในขณะนี้ด้วย
สุดท้ายบทสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องรอผลการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนฯ มท. คู่ขนานไปกับการตรวจสอบด้วยกลไกสภาฯของ กมธ.ติดตามงบฯ กันต่อไป