Expo 2025 ประโยชน์ทับซ้อน ? 2 พิรุธ ผู้เสนองานนั่ง กก.โครงการ

กางข้อมูลหลังฉาก สบส.จัดงาน Expo 2025 ธีม Thailand Pavilion จัดซื้อจัดจ้าง 3 รอบ ถูก “อินเด็กซ์” อุทธรณ์ เหตุเจอเงื่อนงำพิรุธส่อเอื้อประโยชน์ “เอกชน” บางแห่ง
KEY
POINTS
- กางข้อมูลหลังฉาก สบส.จัดงาน Expo 2025 ธีม Thailand Pavilion จัดซื้อจัดจ้าง 3 รอบ
- 2 รอบแรกใช้วิธี “คัดเลือก” ก่อนถูก “อินเด็กซ์ฯ” อุทธรณ์ เหตุเจอเงื่อนงำพิรุธส่อเอื้อประโยชน์ “เอกชน” บางแห่ง
- ในช่วงวางแพลนจัดงาน สบส.เชิญ “ไร้ท์แมน” เข้าร่วมประชุมจัดร่างธีม – ตั้งคน บ.A49 เข้าเป็นคณะทำงาน
- ต่อมา “ไร้ท์แมน-A49-สถาปนิก 101” ตั้ง “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” เข้าประมูลงาน และชนะด้วยวงเงิน 867 ล้านบาท
กรณีการจัดงาน “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน เอ็กซ์โป 2025” ที่โอซากา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งใช้งบประมาณปี 2566 วงเงินกว่า 867 ล้านบาท โดยมีกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ เป็นผู้ชนะด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง กำลังเป็นเงื่อนปมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก
แม้ว่าประเด็นเรื่องการจัดตั้งบริษัท กิจการร่วมค้าฯ ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ล่วงหน้าก่อนประมูล 4 เดือน และหลังประมูลได้จะปิดบริษัทลงไป จะเป็นคนละส่วนกับ “กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ” ตามการชี้แจงของ นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และนายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ กรรมการบริหารบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และกิจการร่วมค้าอาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ (RMA110)
แต่เงื่อนปมของกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ที่ชนะไปด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงนั้น ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า ในขั้นตอนการประกวดราคา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กำหนดราคากลางเมื่อ 17 ต.ค.2566 คล้อยหลังถัดมาเพียง 4 วันกลับประกาศผู้ชนะเป็น กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ถูกมองว่าเร็วไปหรือไม่
นอกจากนี้ นับตั้งแต่จุดริเริ่มโครงการเมื่อปลายปี 2565 ถึงวันประกาศผู้ชนะ ต.ค.2566 มีการประกวดราคาไปถึง 3 รอบ และเปลี่ยนวิธี “คัดเลือก” มาเป็น “เฉพาะเจาะจง” ในการประกวดราคารอบสุดท้ายด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจตามไทม์ไลน์ที่รองอธิบดีกรม สบส.ชี้แจง ระบุว่า ในการประกวดราคาด้วยวิธี “คัดเลือก” รอบที่ 2 นั้น มีบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้เข้าร่วมเสนอราคาการคัดเลือกโครงการนี้ ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านขั้นตอนการเสนอราคามาแล้ว แต่ สบส.ยังคงดำเนินโครงการต่อในการประมูลครั้งที่ 3 ด้วยวิธี “เฉพาะเจาะจง”
ไทม์ไลน์การจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้ ตามการชี้แจงของ สบส.ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2565 ครม.ได้มีมติเห็นชอบของบประมาณ และแผนดำเนินงาน ต่อมาวันที่ 14 มี.ค.2566 ครม.อนุมัติงบประมาณ 867.881 ล้านบาท และมอบหมายให้กรม สบส. หลังจากนั้นวันที่ 27 เม.ย.2566 ในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งแรกมีการกำหนดราคากลาง 867.88 ล้านบาท โดยใช้วิธีการคัดเลือก เนื่องจากต้องการให้บริษัทที่มีศักยภาพเข้ามาแข่งขันในการดำเนินการ ต่อมาวันที่ 6 พ.ค.2566 ปรากฏว่าผลการคัดเลือกเอกสารไม่ครบถ้วนทั้ง 3 บริษัทที่ยื่นเข้ามา ในส่วนของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผลงานในส่วนของอินเตอร์เนชันแนล จึงทำการยกเลิก
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค.2566 กำหนดราคากลางใหม่ 867.88 ล้านบาท ถัดมาวันที่ 4 ก.ค.2566 ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา โดยวิธีคัดเลือกครั้งที่ 2 คือ กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ เป็นคนละส่วนกับบริษัท กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ จำกัด
วันที่ 10 ก.ค.2566 บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ยื่นอุทธรณ์ ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้ตอบข้อวินิจฉัยมาหลังมีการยื่นอุทธรณ์ว่า สามารถให้กรม สบส.ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้ แต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เกินเวลายืนราคา 90 วัน ทำให้กระบวนการลงนามสัญญาไม่ได้เกิดขึ้น เพราะผู้ชนะไม่ประสงค์จะทำสัญญาเนื่องจากไม่สามารถยืนราคาได้ในระยะเวลาเกิน 90 วัน จึงจำเป็นต้องมีการประกาศ ครั้งที่ 3
“ช่วงนี้สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เวลากระชั้นชิดแล้ว องค์กรที่จัดงานในประเทศญี่ปุ่นได้เร่งรัดกับประเทศไทย ว่าจะต้องมีผู้รับจ้าง และต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 13 เม.ย.2568 กรมจึงได้ตัดสินใจใช้วิธีการเฉพาะเจาะจงแทน” นพ.กรกฤช ระบุ
ทั้งนี้ กระบวนการเฉพาะเจาะจงต้องมีการสืบราคา กรมได้จัดทำหนังสือสืบราคาจากท้องตลาดไปยังผู้ประกอบการจำนวน 3 รายที่เคยยื่นประมูล เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดราคากลาง มีผู้ประกอบการยื่นเสนอราคา จำนวน 1 ราย ซึ่งตามระเบียบสามารถดำเนินการได้ตามระเบียบพัสดุ เมื่อมีผู้ยื่นมาบริษัทเดียว จึงต้องใช้ราคาของบริษัทนั้นในการดำเนินการ โดยวันที่ 10 ต.ค.2566 คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้มีการประชุม เพื่อกำหนดราคากลาง วันที่ 17 ต.ค. 2566 ได้รับอนุมัติให้ใช้ราคากลาง เป็นจำนวนเงิน 867.877 ล้านบาท วันที่ 20 ต.ค.2566 ประกาศให้กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ชนะการเสนอราคาโดยวิธีเฉพาะเจาะจง วงเงิน 867.800 ล้านบาท
กรุงเทพธุรกิจ ตรวจสอบพบว่า บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ร้องเรียนประเด็นที่น่าสนใจ 2 เงื่อนปมใหญ่ด้วยกัน ได้แก่
1.สบส.ส่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้เสนองาน โดย “อินเด็กซ์ฯ” อ้างว่า ในการประชุมของ สบส.ที่กระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับโครงการนี้ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2564 ได้เชิญผู้แทนบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด (ภายหลังเป็นหนึ่งในกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ) มาเข้าร่วมหารือ เพื่อนำเสนอ (ร่าง) ธีมแนวทางการจัดงาน Expo 20205 Osaka Kunsai ณ นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น
ในการประชุมดังกล่าวพบว่า รายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) ที่จะดำเนินการจัดจ้างผู้ดำเนินการจัดนิทรรศการ มีการใช้เนื้อหาและรายละเอียดแนวคิดการออกแบบ และรายละเอียดนิทรรศการ เป็นไปตามการนำเสนอของบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด แสดงถึงความไม่โปร่งใสของการคัดเลือก สร้างความได้เปรียบในการรับรู้รายละเอียดของการคัดเลือกผู้เสนองาน
2.ในการประชุมหารือของ สบส. กับสภาสถาปนิก และสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และแต่งตั้งสภาสถาปนิก และสมาคมสถาปนิกฯ เป็นคณะกรรมการดำเนินงาน พัฒนาโครงการ เพื่อพัฒนารายละเอียดการจัดประกวดแบบก่อสร้างอาคารนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ภายในงาน Expo 2025 Osaka Kansai ซึ่งอธิบดีกรม สบส. เป็นที่ปรึกษา รองอธิบดี สปส.ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน นอกจากนี้ สบส.ยังแต่งตั้งสภาสถาปนิก และสมาคมสถาปนิกฯ เข้าเป็นคณะกรรมการดำเนินงาน หรือคณะทำงาน มีการประชุมร่วมกันอีกหลายครั้ง หลายวาระ
พบข้อเท็จจริงว่า นายกสมาคมสถาปนิกฯ ในช่วงเวลาดังกล่าวคือ นายชนะ สัมพลัง เป็นผู้บริหารบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) ในตำแหน่ง Deputy Managing Director ส่วนนายกสภาสถาปนิก มีนายประภากร วทานยกุล เป็นผู้บริหาร A49 ในตำแหน่ง President/Managing Director
ขณะที่ในการประกวดราคาด้วยวิธีคัดเลือกครั้งที่ 2 ช่วงกลางปี 2566 “อินเด็กซ์ฯ” ได้เข้าร่วมประมูลด้วย โดยอ้างว่า กิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ ขณะนั้นมีบริษัทจดทะเบียนร่วมกัน 3 ฝ่าย ได้แก่ 1.บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด 2.บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด 3.บริษัท สถาปนิกหนึ่งร้อยสิบ จำกัด
ทำให้ “อินเด็กซ์ฯ” มองว่า การกระทำดังกล่าวส่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้เสนองานหรือไม่ เพราะนายกสภาสถาปนิก และนายกสมาคมสถาปนิกฯ ล้วนเป็นผู้บริหารในบริษัท A49 ที่เป็นหนึ่งในกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ (ขณะนั้น) ทำให้ “อินเด็กซ์” ส่งเรื่องร้องเรียนการประมูลดังกล่าว
อย่างไรก็ดีในการประมูลครั้ง 2 นั้น เมื่อเกิดข้อร้องเรียนขึ้น ทำให้กรมบัญชีกลาง ตอบข้อวินิจฉัยมาหลังมีการยื่นอุทธรณ์ว่า สามารถให้กรม สบส.ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างต่อไปได้ แต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เกินเวลายืนราคา 90 วัน ทำให้กระบวนการลงนามสัญญาไม่ได้เกิดขึ้น เพราะผู้ชนะไม่ประสงค์จะทำสัญญาเนื่องจากไม่สามารถยืนราคาได้ในระยะเวลาเกิน 90 วัน จึงจำเป็นต้องมีการประกาศ ครั้งที่ 3
อย่างไรก็ดี ข้อเท็จจริงที่ "กรุงเทพธุรกิจ"ตรวจสอบพบคือ ในการประกวดราคา ครั้งที่ 3 แบบวิธี “เฉพาะเจาะจง” ซึ่งกิจการร่วมค้า อาร์เอ็มเอหนึ่งร้อยสิบ เป็นผู้ชนะนั้น ไม่พบว่าบริษัท A49 เข้าร่วมเป็น Joint Venture แล้ว คงเหลือแค่ 2 บริษัทคือ 1.บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด 2.บริษัท สถาปนิกหนึ่งร้อยสิบ จำกัด
ดังนั้นเงื่อนปมสำคัญที่สังคมกังขา ในการนำเสนอธีมงาน Thailand Pavilion ไฉนต้องเชิญบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด เข้าไปพรีเซนต์ ซึ่งต่อมาได้จัดตั้งกิจการร่วมค้าฯ ขึ้น และเข้าประมูลงานดังกล่าว
นอกจากนี้ ในการตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน หรือคณะทำงานชุดต่าง ๆ ของ สบส.เกี่ยวกับเรื่องนี้ รับทราบหรือไม่ว่าสภาสถาปนิก และสมาคมสถาปนิกฯ มีผู้บริหารคนเดียวกันกับบริษัท A49 ที่เป็นหนึ่งในกิจการร่วมค้าฯ ก่อนหน้านี้
สบส.และผู้ที่เกี่ยวข้อง คงต้องเคลียร์ปมนี้อีกครั้ง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์